รายงานสถานการณ์อุตสาหกรรมรถยนต์ในสหราชอาณาจักร พฤศจิกายน 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 20, 2009 16:30 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. สมาคมผู้ผลิตและค้ายานยนต์และชิ้นส่วน (The Society of Motor Manufacturers and Traders Limited หรือ SMMT ) รายงานสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 5 พศจิกายน 2552 สรุปได้ว่ายอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ในเดือนตุลาคมมีจำนวน 168,942 คัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 31.6 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมปี 2551 ขณะที่ยอดจดทะเบียนรถใหม่ในรอบ 10 เดือนของปี 2552 ยังคงมียอดลดลงร้อยละ 12.3 โดยมียอดรวม 1,685,981 คัน

2. ผู้บริหารของ SMMT วิเคราะห์ว่าตุลาคมนับเป็นเดือนที่มียอดจดทะเบียนรถใหม่สูงสุดในปีนี้ ซึ่งสาเหตุหลักคือการขยายเวลาการใช้มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ ซึ่งให้ส่วนลดแก่ผู้ต้องการเปลี่ยนรถใหม่ (Scrappage Scheme) โดยมีสัดส่วนจากยอดจดทะเบียนใหม่ในส่วนนี้ถึงร้อยละ 20 นอกจากนี้ยอดจดทะเบียนรถใหม่ที่เพิ่มขึ้นน่าจะเป็นผลมาจากอัตราภาษีการค้าซึ่งจะกลับไปใช้อัตราร้อยละ 17.5 ในเดือนมกราคม 2553 จากอัตราร้อยละ 15 ซึ่งรัฐบาลกำหนดลดอัตราภาษีดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่ในปีนี้

3. ยอดรถยนต์จดทะเบียนใหม่รวม 168,942 คันในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ สามารถแบ่งตามชนิดของเชื้อเพลิงที่ใช้เป็นรถยนต์เครื่องยนต์เบนซินร้อยละ 57.7 หรือ 972,767 คัน เครื่องยนต์ดีเซลร้อยละ 41.5 จำนวน 700,181 คัน เครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกอื่นร้อยละ 0.8 มีจำนวน 13,033 คัน และแบ่งเป็นรถยนต์ที่จดทะเบียนส่วนบุคคลจำนวน 843,720 คัน หรือร้อยละ 50 ประเภทรายกลุ่ม (Fleet) จำนวน 756,112 คันหรือร้อยละ 44.8 และประเภทธุรกิจจำนวน 86,149 คันคิดเป็นร้อยละ 5.1 ของยอดรวม

4. รถยนต์ขนาดเล็กยังคงได้รับความนิยมสูงขึ้น โดยรถยนต์ขนาดเล็ก (mini) และ รถขนาดเล็กเป็นพิเศษ (Supermini) มียอดจดทะเบียนใหม่ในเดือนตุลาคมปีนี้ถึง 7 รุ่นจากรุ่นที่มียอดขายสูงสุดทั้งหมด 10 รุ่น โดยรถขนาดเล็ก มียอดจดทะเบียนสูงขึ้นถึงร้อยละ 200 และรถขนาดเล็กเป็นพิเศษมียอดสูงขึ้นร้อยละ 47.9 ขณะที่รถนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกก็มียอดขยายตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 47.9 สำหรับรถยนต์รุ่นที่มียอดจดทะเบียนในเดือนตุลาคมสูงสุดเรียงตามลำดับมีดังนี้

1) ฟอร์ด เฟียสต้า         8,812  คัน        6) เปอร์โยต์ 207      4,397 คัน
2) วอกซ์ฮอล แอสทร้า      7,415  คัน        7) เรอโนลต์ คลีโอ     3,613 คัน
3) ฟอร์ด โฟกัส           6,668  คัน        8) ฮุนได i10         3,230 คัน
4) วอกซ์ฮอล คอร์ซา       6,332  คัน        9) ออสติน มินิ         3,120 คัน
5) โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ     4,630  คัน       10) เฟียต 500         2,989 คัน

5. ในส่วนของรถเพื่อการพาณิชย์ ยอดจดทะเบียนทั้งรถตู้แวนและรถบรรทุกในเดือนตุลาคมปีนี้ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดจดทะเบียนใหม่รวม 16,576 คัน ลดลงร้อยละ 27.9 จากช่วงเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า ขณะที่ยอดรวม 10 เดือนยังคงลดลงถึงร้อยละ 38.8 เมื่อเทียบกับปี 2551 มีจำนวน 187,774 คันซึ่ง SMMT วิเคราะห์ว่า ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ยังคงอยู่ในช่วงขาลงต่อไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการขาดความมั่นใจของภาคธุรกิจต่อสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน

6. หากแบ่งประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ออกเป็นรถตู้แวนและรถบรรทุก จะเห็นได้ว่ารถแวนมียอดจดทะเบียนในเดือนตุลาคมจำนวน 14,821 คัน ลดลงร้อยละ 18.5 รวม 10 เดือนของปีนี้มียอด 157,185 คันลดลงถึงร้อยละ 39.0 ขณะที่รถบรรทุกมียอดจดทะเบียนในเดือนตุลาคม 1,755 คัน ลดลงร้อยละ 63.4 ขณะที่ยอดจดทะเบียนรถบรรทุกในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวน 30,589 คัน ลดลงถึงร้อยละ 37.5

7. ยอดจดทะเบียนรถปิคอัพในเดือนตุลาคมมียอด 1,125 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ขณะที่ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้มียอดรวม 18,693 คันลดลงร้อยละ 32.3 ขณะที่มียอดจดทะเบียนรถขับเคลื่อนสี่ล้อในเดือนตุลาคมปีนี้จำนวน 307 คันเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 มียอดจดทะเบียนในช่วง 10 เดือนของปีนี้ 3,909 คันลดลงร้อยละ 22.3

8. มูลค่าการนำเข้ายานยนต์และส่วนประกอบของสหราชอาณาจักรจากไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-ตุลาคม)ยังคงลดลงอย่างรุนแรงถึงร้อยละ 71.39 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 คิดเป็นมูลค่า 120.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แยกเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มูลค่า 32.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 83 และส่วนประกอบและอะไหล่ 20.6 ล้านเหรีญยสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 69.9

ข้อมูลเพิ่มเติม

9. ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เจเนอรัลมอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทวอกซ์ฮอลในสหราชอาณาจักรกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ส่งผลให้บริษัท GM อาจต้องขายทอดตลาดหรือเลิกกิจการของบริษัทวอกซ์ฮอลในสหราชอาณาจักร รวมถึงบริษัทโอเปิลในเยอรมนีซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ภาครัฐของสหราชอาณาจักรกำลังดำเนินการเจรจาหามาตรการช่วยเหลือพนักงานจำนวน 5,000 คนของวอกซ์ฮอลรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องที่อาจได้รับผลกระทบ

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ