สธ.ทุ่มงบ 1,500 ล้านบาท สร้างศูนย์เชี่ยวชาญโรคหัวใจ มะเร็ง ทารกแรกเกิด อุบัติเหตุฉุกเฉิน ที่ จ.นครสวรรค์

ข่าวทั่วไป Friday November 28, 2014 15:41 —สำนักโฆษก

กระทรวงสาธารณสุข จัดสรรงบประมาณ 1,500 ล้านบาท ก่อสร้างโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จังหวัดนครสวรรรค์ แห่งใหม่ และเป็นศูนย์เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง ทารกแรกเกิด และอุบัติเหตุฉุกเฉิน มีบุคลากร เครื่องมือแพทย์ทันสมัย รักษาผู้ป่วยในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 3 ประกอบด้วย นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กำแพงเพชรและพิจิตร ประชาชนได้รับการรักษาทันเวลา ลดเสียชีวิตและความพิการ คาดจะเปิดให้บริการได้ในอีก 5 ปี

เช้าวันนี้ (28 พฤศจิกายน 2557) นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างโรงพยาบาล (รพ.) สวรรค์ประชารักษ์แห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ราชพัสดุ จำนวน 197 ไร่ 2 งาน 72 ตารางวา ต.นครสวรรค์ออก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ได้รับความร่วมมือจากกองทัพบก ประกอบด้วยอาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ ขนาด 5 ชั้น อาคารรังสีรักษาโรคมะเร็ง โดยใช้งบประมาณกว่า 225 ล้านบาท ซึ่งเริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2557 กำหนดแล้วเสร็จวันที่ 3 พฤศจิกายน 2559

นายแพทย์ณรงค์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรงบประมาณวงเงิน 1,500 ล้านบาท ลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์แห่งใหม่ ระหว่างพ.ศ. 2557-2561 เพื่อพัฒนาให้เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิเป็นศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็งเฉพาะรังสีรักษา ทารกแรกเกิด และด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ประจำเขตสุขภาพที่ 3 ซึ่งมีเครือข่ายบริการร่วม 5 จังหวัดได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กำแพงเพชร และพิจิตร เป็นไปตามแผนการจัดบริการประชาชนในสาขาโรคเฉพาะทางอย่างเต็มศักยภาพ เนื่องจากรพ.แห่งเดิมที่ใช้งานขณะนี้ สถานที่คับแคบมาก ไม่สามารถขยายบริการประชาชนตามที่ควรจะเป็น ต้องส่งต่อผู้ป่วยบางส่วนประมาณร้อยละ 10 ไปรักษาข้ามเขตในกทม.หรือโรงพยาบาลในเขตอื่นๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งเป็นความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยทั้งผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ เป็นภาระค่าใช้จ่ายของญาติในการดูแลผู้ป่วยนอกพื้นที่ ทำให้ผู้ป่วยส่วนหนึ่งไม่ได้รับการรักษาตามนัดอย่างต่อเนื่อง เป็นปัญหาการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพ

          นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า ในการพัฒนาครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้วางแผน 3 ส่วนหลัก ๆ       ได้แก่ 1. การก่อสร้างอาคารบริการต่างๆ ได้แก่ อาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุฉุกเฉิน รังสีรักษา หอผู้ป่วย 6 ชั้น รวม 144 เตียง  จำนวน 4 อาคาร อาทิ อาคารสนับสนุนบริการ อาคารบ้านพักเจ้าหน้าที่ วงเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท    2. การจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ด้านการตรวจวินิจฉัย และรักษา ผ่าตัด โรคหัวใจและหลอดเลือด เครื่องฉายรังสีรักษาโรคมะเร็ง วงเงินประมาณ 130 ล้านบาท และ 3.งบพัฒนาบุคลากรเชี่ยวชาญเฉพาะทางรวม 17 สาขา  45 คน เช่นประสาทวิทยา โรคหัวใจ โรคมะเร็ง จิตเวช โรคระบบหายใจ  คาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า สามารถทำการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยโรคมะเร็งได้รับการฉายแสงรังสีที่เหมาะสมทันเวลามีชีวิตที่ดีขึ้น ผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินได้รับการรักษาทันเวลาและลดอัตราการเสียชีวิตและความพิการ
          ทางด้านนายแพทย์ศักดิ์ชัย  นิลวัชรารัง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ กล่าวว่า รพ.สวรรค์ประชารักษ์ที่ให้บริการประชาชนขณะนี้  เป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาด 653 เตียง ปัจจุบันมีบุคลากรเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล 1,900 คน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครบทุกสาขาทั้งหมด 126 คน เช่น  สูตินารีเวช ศัลยกรรม กุมารแพทย์    ในปีงบประมาณ 2557  มีผู้ป่วยนอกรับบริการ 530,000 ราย  เฉลี่ยวันละ 1,900 ราย  มีผู้ป่วยในพักรักษาตัวเฉลี่ยวันละ 620 ราย   มีผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉินเฉลี่ยวันละ 200 ราย  โรงพยาบาลแห่งใหม่นี้อยู่ห่างจากแห่งเดิมประมาณ 6 กิโลเมตร  ในการจัดบริการประชาชนนั้น ขณะนี้ได้ใช้หลักบริหาร จัดบริการร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลที่อยู่ในเขตสุขภาพที่ 3 ทุกระดับ เหมือนเป็นโรงพยาบาลเดียวกัน  ประชาชนจะได้รับบริการดียิ่งขึ้น  ดำเนินการมาแล้ว 2 ปี  พบว่าได้ผลดีขึ้นเรื่อยๆ  เช่นการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ พบว่าอัตราการได้รับยาละลายลิ่มเลือดมากขึ้น จากเดิมร้อยละ 24  ในปี 2554  เพิ่มเป็นร้อยละ 68 ในปี 2557   ส่งผลให้อัตราตายจากโรคนี้ลดลงจากร้อยละ 18 เหลือร้อยละ 16 ในปีเดียวกัน  ส่วนอัตราตายจากการบาดเจ็บทางสมองลดลงจากร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 4 ในปีเดียวกันเช่นกัน    จึงมั่นใจโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์แห่งใหม่นี้ จะเป็นศูนย์กลางรับส่งต่อดูแลรักษาผู้ป่วยภายในเขตสุขภาพที่ 3  ได้ทุกโรค  ประชาชนภายในเขต 5 จังหวัดที่มีประมาณ 5 ล้านคนได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพมาตรฐาน  โดยรพ.แห่งใหม่นี้ การเดินทางสะดวกมาก  ไม่เสี่ยงปัญหาน้ำท่วมในอนาคต   ซึ่ง รพ.ที่ให้บริการขณะนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม  และเคยประสบน้ำท่วมหนักในปี  2554  ต้องปิดบริการนานถึง 18 วัน

28 พฤศจิกายน 2557

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ