นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงานสัมมนาโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ

ข่าวทั่วไป Friday March 6, 2015 17:52 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเปิดงานสัมมนาโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) ยืนยันเร่งขจัดปัญหาคอร์รัปชั่น ยึดหลัก 3 ป. ป้องกัน ปราบปราม ปลูกจิตสำนึก พร้อมผลักดันโครงการภาครัฐให้มีความโปร่งใส ระบุให้เดินหน้าประมูลเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ 4 จีภายใน 6 เดือน

วันนี้ (6 มี.ค.58) เวลา 09.00 น. ณ ห้องบอลรูม บี โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนาโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) โดยความร่วมมือกับ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ และ CoST International Secretariat โดยมี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ทูตานุทูต คณะกรรมการต่อต้านการทุจริต คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ คณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายภาครัฐ ปลัดกระทรวง ผู้บริหารกระทรวง ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดงานสัมมนาโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ สรุปสาระสำคัญตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยและประเทศอังกฤษเป็นมิตรประเทศกันมายาวนาน และเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยก็มีเจตนาดีที่อยากจะให้รัฐบาลไทยมีกลไกในการตรวจสอบการก่อสร้างภาครัฐ โดยวันนี้การทำงานทุกอย่างมีปัญหา วันที่รัฐบาลเข้ามาก็มีปัญหามากที่จะต้องมาแก้ไข ทุกคนอยากให้ประเทศไทยเดินหน้าไปได้อย่างภาคภูมิใจ มีเกียรติยศและศักดิ์ศรี วันนี้จึงต้องหาแนวทางกลไกใหม่ ๆ มาเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความโปร่งใส สร้างความไว้วางใจให้กับทุกหน่วยงาน กับประชาชน โดยร่วมมือกับภาคเอกชนและทุกฝ่าย ซึ่งนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ได้แถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติคือ ต้องการผลักดันวาระแห่งชาติหลายเรื่องโดยเรื่องที่สำคัญคือการขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่น สร้างความโปร่งใสในประเทศไทยให้ได้ ที่ต้องต่อยอดจากเดิมที่มีอยู่แล้ว ทำให้องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริต ทั้งองค์กรอิสระ ป.ป.ง. ป.ป.ท. สตง. ภาคเอกชน คณะกรรมการที่ คสช. ตั้งขึ้น CoST และคณะกรรมการ 5 คณะที่รัฐบาลตั้งขึ้นทำงานให้เกิดความโปร่งใส จึงอยากให้เห็นเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่เข้ามาทำงานครั้งนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เข้ามาเพื่อมุ่งหวังผลประโยชน์หรือสืบทอดอำนาจ ยืนยันว่าทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศชาติปลอดภัย ให้ลูกหลานอยู่ได้ในวันหน้าอย่างทัดเทียมกับมิตรประเทศ และแม้วันนี้อันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นประจำปี 2557 ของไทยอยู่ในอับดับที่ 35 ซึ่งเป็นอับดับที่ปรับขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยอยากให้เป็นอันดับที่ขึ้นมามากกว่านี้ แต่คงเป็นเรื่องยาก เพราะในการสร้างความโปร่งใส ไม่ใช่เรื่องของภาครัฐอย่างเดียว ต้องหากลไกที่ภาครัฐต้องร่วมกับภาคเอกชนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนยอมรับ รวมทั้งจะต้องไม่ใช้กฎหมายมาสร้างความขัดแย้ง จะต้องไม่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือสร้างความไม่โปร่งใส ดังนั้น วันนี้ทุกคนต้องใช้กฎหมายให้ถูกต้อง รัฐบาลต้องทำงานได้อย่างโปร่งใสและรวดเร็วให้ได้ เพราะรัฐบาลมีเวลาจำกัดในการทำงานพัฒนาประเทศ และไม่ว่าจะออกระเบียบมาอย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการในวันนี้อยู่ที่คน จะต้องมีคนทำงานที่มีคุณธรรม จริยธรรม สร้างองค์กรที่มีธรรมาภิบาล และยึดหลัก 3 ป. คือ ป้องกัน ปราบปราม และปลูกจิตสำนึก

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า การทำงานหลายอย่างในวันนี้ ภาครัฐได้ร่วมกับภาคเอกชน และมีองค์กรภายนอกเข้ามาเสริมโดยมีสัญญาคุณธรรมเพื่อสร้างความเชื่อมั่น สิ่งที่รัฐบาลพยายามทำในวันนี้คือทำอย่างไรที่จะป้องกัน ปราบปราม และปลูกจิตสำนึก ให้ได้ ทำให้ทุกกฎหมายและทุกกลไกเป็นรูปธรรม โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกกระทรวงไปชี้แจงทำความเข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการทั้งระยะสั้น ระยะยาว ยั่งยืน นอกจากนี้ สิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันวันนี้ให้เป็นวาระของชาติคือการสร้างความเข้าใจของคนในชาติโดยลดความขัดแย้ง เพราะวันนี้ทุกปัญหาที่มีขึ้นมาเกิดการทะเลาะกันกลับไปทุกเรื่อง จึงมีความจำเป็นที่ต้องมีการปฏิรูป รัฐบาลจึงต้องเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งรัฐบาลสองชุดก่อนหน้านี้มีความพยายามที่จะทำเรื่องการปฏิรูปแต่ก็ยังทำไม่ได้

“ วันนี้ต้องพูดถึงว่าทำอย่างไรเศรษฐกิจจะเป็นประชาคมอาเซียน ทำอย่างไรจะมีการสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และเชื่อมโยงต่อไปยังประชาคมโลกอื่น ๆ รวมถึงการสร้างเศรษฐกิจสีเขียว เรื่องพลังงานทดแทน เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องร่วมมือกับประชาคมโลกทั้งสิ้น ผมแก้ทุกวัน วันนี้ผมพูดกับทุกประเทศเวลาที่ผมไปต่างประเทศ ผมพูดได้ทุกเรื่องเพราะเก็บปัญหาทุกวันที่เรามีอยู่มาทำการบ้านและคุยกับส่วนราชการต่าง ๆ ว่าเราจะไปคุยกับเขาอย่างไร ไม่ใช่ไปประชุมแล้วไม่มีอะไรกลับมา” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ทุกหน่วยงานจะต้องมีการวางแผนการดำเนินการโครงการต่าง ๆ ล่วงหน้าและต้องมีสัญญาคุณธรรมในโครงการต่าง ๆ ของรัฐให้ได้ภายในปีนี้ สำหรับในส่วนของข้าราชการจะต้องมีการดูแลระบบราชการไม่ให้การเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์จากข้าราชการ พร้อมยืนยันว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคนที่เข้ามาไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ใด ๆ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลมี พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร และมีการเผยแพร่ข้อมูลภาครัฐลงเว็บไซต์ของรัฐบาลที่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ พร้อมกับย้ำให้มีการเดินหน้าประมูลเครือข่าย สัญญาณโทรศัพท์ 4 จีให้เร็วที่สุดภายใน 6 เดือน รวมทั้งต้องเดินหน้าปรับโครงสร้างไอซีทีตามกฎหมายด้วย

ด้านนายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาการทุจริต มักเกิดขึ้นกับระบบราชการ และมีความซับซ้อน ซึ่งการขจัดปัญหาคอร์รัปชั่น จะสามารถทำได้ผล หากมีการเปิดเผย และสามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งโดยตรงและผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยสื่อมวลชนถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ประชาชนกลุ่มใหญ่มีโอกาสเข้าถึง และสามารถแยกแยะข้อมูลได้อย่างถูกต้อง แต่การเปิดเผยข้อมูลทุจริตต่าง ๆ ต้องไม่ถูกนำไปใช้กับคนบางกลุ่ม หรือคดีเล็กๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม การขจัดคอร์รัปชั่นจะต้องมีการบังคบใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยปราศจากอคติและอิทธิพลทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีความยินดีที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้นำโครงการ CoST มาใช้ในการดำเนินการสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ด้วย

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ