รัฐบาลเชิญชวนประชาชนร่วมชมนิทรรศการนวัตกรรมและเทคโนโลยีไทยเพื่อ SMEs และเกษตรกร ที่สวนสนประดิพัทธ์ 27-28 มี.ค.นี้

ข่าวทั่วไป Thursday March 26, 2015 17:37 —สำนักโฆษก

ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ สวนสนประดิพัทธ์แห่งที่ 2 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะเยี่ยมชมนิทรรศการ “นวัตกรรมและเทคโนโลยีไทยเพื่อ SMEs และเกษตรกร” แสดงความก้าวหน้าผลงานนวัตกรรมฝีมือคนไทย กว่า 300 ชิ้นงาน

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในวันที่ 27 มีนาคม 2558 ณ สวนสนประดิพัทธ์แห่งที่ 2 อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ในเวลาประมาณ 11.40 น. นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี จะเยี่ยมชมนิทรรศการ “นวัตกรรมและเทคโนโลยีไทยเพื่อ SMEs และเกษตรกร” ที่จุดจอดรถใหญ่ของสวนสนประดิพัทธ์แห่งที่ 1 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับกระทรวงต่าง ๆ จัดขึ้น โดยมีเป้าหมาย 3 ประการ คือ 1. เพื่อให้คณะรัฐมนตรีรับทราบความก้าวหน้าผลงานนวัตกรรมฝีมือคนไทย ซึ่งมีศักยภาพที่จะผลิตเพื่อส่งมอบให้กับตลาดภาครัฐได้ อันจะนำไปสู่การส่งเสริมให้เกิดการจัดซื้อจัดจ้างสินค้านวัตกรรมไทยของภาครัฐ เพื่อให้ SMEs ได้ใช้กลไกของรัฐ 2. เพื่อพัฒนาศักยภาพและความสามารถในการผลิตนวัตกรรม รวมทั้งได้เลือกนวัตกรรมที่มีความพร้อมที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ SMEs ที่สนใจ และ 3. เพื่อให้ชุมชน/ท้องถิ่นมองเห็นโอกาสในการนำเทคโนโลยีเพื่อไปพัฒนาความสามารถของท้องถิ่น อันจะก่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย

ในการจัดนิทรรศการ “นวัตกรรมและเทคโนโลยีไทยเพื่อ SMEs และเกษตรกร” เป็นความร่วมมือของกระทรวงต่าง ๆ ที่จะนำเสนอผลงานนวัตกรรมไทยที่มีศักยภาพและพร้อมใช้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตลาดทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศประกอบด้วย 7 ธีมหลัก ได้แก่ 1. เกษตรและชุมชน 2. น้ำ 3. การแพทย์และสมุนไพร 4. ความมั่นคง พลังงานและสิ่งแวดล้อม 5. ระบบขนส่งทางราง 6. ท่องเที่ยววิถีไทย และ 7. SMEs และการส่งเสริมการส่งออก นอกจากนี้ จะมีหน่วยงานของรัฐ เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SMEs Bank) และธนาคารออมสิน ธนาคารของรัฐ ที่เป็นกลไกส่งเสริม SMEs รับขึ้นทะเบียน รวมไปถึงการบริการต่าง ๆ เช่น สินเชื่อเพื่อนวัตกรรมด้วย

สำหรับผลงานนวัตกรรมเด่น ๆ ที่นำมาจัดแสดงในงาน มีรวม 310 ชิ้นที่เป็นผลงานวิจัยของคนไทย เช่น 1. ตัวอย่างความต้องการนวัตกรรมภาครัฐและตัวอย่างผลงานนวัตกรรมไทย 2. รถตัดอ้อยฝีมือคนไทย ซึ่งเกิดจากการปรับปรุงกระบวนการผลิตรถตัดอ้อยด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง สามารถตัดอ้อยได้ทุกสภาพแปลง กลไกชุดเก็บเกี่ยวมีประสิทธิภาพไม่ทำให้เกิดการดึงต้นอ้อยจากพื้นดิน ไม่ส่งผลกระทบต่อตออ้อยที่สอง ได้รับการยอมรับจากทั้งในและต่างประเทศ สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศ ได้แก่ บราซิล อินเดีย กัมพูชา และอินโดนีเซีย 3. เก้าอี้ทำฟันสำหรับผู้พิการและคนชรา เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้พิการและผู้สูงอายุสามารถนำรถเข็นของผู้พิการที่นั่งอยู่ สามารถนำเข้าไปในเครื่องได้เลยทั้งเครื่อง โดยที่ไม่ต้องเคลื่อนย้ายผู้พิการ สามารถนำไปใช้นอกสถานที่ได้ ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยและสามารถใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ได้อีกด้วย 4. เครื่องเกี่ยวนวดข้าวประสิทธิภาพสูง มีแรงม้าตั้งแต่ 250-280 แรงม้า มีประสิทธิภาพในการเก็บเกี่ยวในพื้นที่นาหล่ม เมื่อเกี่ยวนวดข้าวแล้ว การสูญเสียไม่เกิน 3% จะสามารถทดแทนการนำเข้าได้ 5. ปุ่มหยุดรถไฟฟ้าฉุกเฉิน EMP (Emergency Stop Plunger) มีไว้เพื่อหยุดไม่ให้รถไฟฟ้าเข้ามาที่สถานีในกรณีที่เกิดเหตุการณ์เช่นกรณีที่ผู้โดยสารตกจากชานชาลาลงไปในรางวิ่งรถไฟฟ้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะกดปุ่ม EMP เพื่อหยุดไม่ให้รถไฟฟ้าเข้ามายังสถานีเพื่อแก้ไขสถานการณ์และไม่ให้เกิดเหตุอันตรายกับผู้โดยสาร โดยอุปกรณ์ EMP นี้ได้รับการติดตั้งใช้งานจริงบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสในส่วนต่อขยาย 6. เสื้อเกราะกันกระสุน ที่สามารถป้องกันกระสุนระดับ 3A ทำจากวัสดุคอมโพสิต ผสมเส้นใยโพลิเอทิลีนและเส้นใยอะรามิด ร่วมกับวัสดุผสมอื่น ๆ ได้มีการยิงทดสอบประสิทธิภาพการป้องกันกระสุนระดับ 3A ตามมาตรฐานยุทโธปกรณ์กระทรวงกลาโหม นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมที่หลากหลาย เพื่อให้ประชาชนได้ชมทั้ง 7 ธีม เช่น เครื่องคัดแยกเมล็ดพันธุ์ข้าวในครัวเรือน แขนคนพิการ กะโหลกศรีษะเทียม จีโนมการแพทย์ เตาชีวมวล นวัตกรรมการจัดการน้ำ ฟิล์มบรรจุภัณฑ์ยืดอายุผลไม้ เครื่องสำอางนาโนเทคโนโลยี เภสัชรังสี ฯลฯ

ทั้งนี้ การจัดแสดงนิทรรศการ “นวัตกรรมและเทคโนโลยีไทยเพื่อ SMEs และเกษตรกร” จัดขึ้น 2 วันคือวันศุกร์ที่ 27 และวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 2558 เวลา 9.00 – 17.00 น. ที่จุดจอดรถใหญ่ของสวนสนประดิพัทธ์แห่งที่ 1 ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1313 หรือสายด่วนกลุ่มงานประชาสัมพันธ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ 02-333-3728

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ