นายกรัฐมนตรีรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลของจังหวัดพิษณุโลก

ข่าวทั่วไป Tuesday June 30, 2015 11:50 —สำนักโฆษก

วันนี้ (30 มิถุนายน 2558) เวลา 15.30 น. ณองค์การบริหารส่วนตำบลพรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลจาก นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก โดยมี ผู้บริหารส่วนราชการ ผู้บริหารส่วนท้องถิ่นจังหวัดพิษณุโลก ประชาชนเข้าร่วมรับฟัง

นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกกล่าวบรรยายสรุปผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลว่า ด้านการบริหารจัดการน้ำ จังหวัดพิษณุโลก มีเขื่อนขนาดใหญ่เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำน่านอยู่ 2 เขื่อน คือ เขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน โดยมีเขื่อนนเรศวรเป็นเขื่อนทดน้ำในลุ่มน้ำน่านเพื่อส่งน้ำเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ปัจจุบันพื้นที่ลุ่มต่ำที่ต้องเร่งทำการเพาะปลูกก่อนฤดูกาลส่งน้ำนาปีเพื่อหนีน้ำท่วม ผลผลิต ประกอบด้วย พื้นที่ของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนนเรศวร จำนวน 95,000 ไร่ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพลายชุมพล จำนวน 25,000 ไร่ และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายม – น่าน จำนวน 250,000 ไร่ จากการบริหารจัดการน้ำของพื้นที่ลุ่มต่ำดังกล่าวที่ผ่านมา พบว่าปฏิทินการส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกยังไม่เหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร ดังนั้นเกษตรกรจึงต้องการร้องขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมชลประทานช่วยดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ ดังนี้ ซ่อมแซมอาคารชลประทานและขุดลอกคูคลองทุกสายที่ใช้เป็นระบบส่งน้ำของพื้นที่ลุ่มน้ำให้แล้วเสร็จก่อนเดือนมีนาคมของทุกปี โดยวันที่ 1 มีนาคมของทุกปีขอให้ส่งน้ำเข้าคูคลองเพื่อใช้เป็นน้ำอุปโภค –บริโภค และรักษาระบบนิเวศในคลอง และขอให้กรมชลประทานปรับปฏิทินการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มต่ำ คือเริ่มส่งน้ำทำการเพาะปลูกข้าวนาปี ตั้งแต่ 1 เมษายน และสิ้นสุดฤดูการส่งน้ำ 31 กรกฎาคม ของทุกปี

เพื่อเป็นแก้ไขปัญหาด้านการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ทั้ง 3 อำเภอ ในอันที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร จังหวัดพิษณุโลกจึงขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 21 โครงการ งบประมาณ เป็นเงินจำนวน 589 ล้านบาท หากดำเนินการได้ ก็จะเป็นพัฒนาแหล่งน้ำต่าง ๆ ให้เป็นพื้นที่รับน้ำนอง ซึ่งสามารถรองรับปริมาตรน้ำได้ประมาณ 800 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อเทียบกับความจุของน้ำในเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ก็สามารถรองรับประมาณน้ำได้ ร้อยละ 88.80 ของปริมาตรน้ำในเขื่อนดังกล่าว

ด้านโครงการยุทธการทวงคืนผืนป่า การบังคับใช้กฎหมายต่อพื้นที่ป่า ที่ถูกบุกรุกปลูกยางพาราในพื้นที่ป่าจังหวัดพิษณุโลก ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกกล่าวว่า ในปี 2558 (1 มิถุนายน – 30 ธันวาคม 2558) จังหวัดพิษณุโลกมีแผนการดำเนินงานในพื้นที่ป่า คือ ป่าสงวนแห่งชาติ 13 ป่า รวม 48 แปลง เนื้อที่ 7,434 ไร่ ป่าอนุรักษ์ในอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง อุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว และอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ รวม 109 แปลง เนื้อที่ 1,851 ไร่ รวมพื้นที่เป้าหมาย 9.285 ไร่ 28 ตารางวา ที่ผ่านมาจังหวัดพิษณุโลกได้เปิดยุทธการทวงคืนผืนป่าไปแล้ว จำนวน 384 ไร่ 2 งาน 24 ตารางวา เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2558 ตัดไปแล้ว 1 แปลง 97 ไร่ 2 งาน 72 ตารางวา ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง วันที่ 8 มิถุนายน 2558 ตัดไปแล้ว 1 แปลง 287 ไร่ 1 งาน 52 ตารางวา ในพื้นที่ป่าสงวนฯ ป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย ส่วนที่เหลือจะดำเนินการโดยเร่งด่วนต่อไป

ทั้งนี้ ได้ดำเนินการเปิดยุทธการทวงคืนผืนป่าดังกล่าว สำหรับพื้นที่ที่จับกุมได้ดำเนินคดีจนถึงที่สุดแล้ว และเป็นแปลงที่ครอบครองโดยนายทุน ซึ่งจะไม่ไปเป็นผลกระทบแก่เกษตรกรผู้ยากไร้ จังหวัดพิษณุโลกมีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและจะดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลต่อไป

ด้านโครงการผลิตข้าวคุณภาพตลาดทางเลือกของชาวนาผ่านกลไกสหกรณ์ ขยายผลโครงการพระราชดำริ เป็นการบูรณาการแก้ไขปัญหาราคาข้าวอย่างเป็นระบบ โดยศูนย์ประสานการปฏิบัติงานที่ 6 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ร่วมกับส่วนราชการ และภาคเอกชน คัดเลือกสหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด เป็นสหกรณ์ต้นแบบในการผลิตข้าวคุณภาพดีครบวงจร โดยมีสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด เป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี ส่งให้สมาชิกสหกรณ์อื่นๆ นำไปปลูก ทำให้เกษตรกรสมาชิกได้รับประโยชน์ ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินงานเป็นกลไกสำคัญในการสร้างต้นแบบและช่วยเหลือกันแบบระบบพี่เลี้ยงเพื่อพัฒนาศักยภาพของสหกรณ์สู่ความเป็นมืออาชีพ และสามารถถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการผลิตสินค้าเกษตรที่ได้คุณภาพตามมาตรฐานสากลให้แก่เกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์ โดยปีการผลิตในปี 2557/2558 สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด ได้ดำเนินการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวบนพื้นที่เพาะปลูกจำนวน 2,700 ไร่ มีผลผลิตจำนวน 2,798 ตัน มูลค่า 28.70 ล้านบาท โดยจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ได้ตันละ 10,260 บาท มีสมาชิกได้รับประโยชน์ 267 ครอบครัว สำหรับการดำเนินงานของสหกรณ์นิคมบางระกำ จำกัด ได้ดำเนินการรวบรวมผลผลิตของสมาชิกสหกรณ์ได้ 181 ตัน มูลค่า 1.67 ล้านบาท จำนวนสมาชิก 128 ครอบครัว ซึ่งจากผลการดำเนินงานในครั้งนี้ จะนำไปขยายผลในสหกรณ์อื่นๆ อีก 7 จังหวัด 9 สหกรณ์ จำนวนสมาชิก 50,824 ครอบครัว พื้นที่ 88,000 ไร่ ได้แก่จังหวัดพิษณุโลก อุตรดิตถ์ ตาก แพร่ เพชรบูรณ์ พิจิตร และนครสวรรค์ ต่อไป

ภายหลังการรับฟังบรรยายสรุป นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า วันนี้ประเทศไทยกำลังเดินไปข้างหน้า แต่ติดปัญหาเรื่องความยากจน เพราะเกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม จึงทำให้เกิดความขัดแย้งในประเทศตามมา รัฐบาลจึงต้องทำให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิ์ทางกฎหมายอย่างเท่าเทียมเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างเข้มแข็ง

ในส่วนของหน่วยงานราชการต้องทำงานเดินหน้าไปพร้อมกันอย่างเป็นระบบในกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องกัน เพื่ออำนวยความสะดวกแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างมีศักดิ์ศรี และเป็นธรรม สำหรับการผลิตสินค้าเกษตรภายในประเทศต้องปรับโครงสร้างใหม่ทั้งประเทศ ต้องคำนึงถึงความต้องการอุปโภคภายในประเทศ และเพื่อส่งออกจำหน่ายไปยังต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสินค้าเกษตรมุ่งผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ทั้งนี้ เกษตรกรต้องมีการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง มีอำนาจในการต่อรองราคาสินค้า พร้อมกับพัฒนาการเรียนรู้มุ่งสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินพบปะประชาชนที่มาให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง พร้อมเยี่ยมชมการจัดนิทรรศการสินค้าโอทอปจังหวัดพิษณุโลกก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ