ไทย-เมียนมา ประสานความร่วมมือด้านความมั่นคงเพื่อป้องกันภัยคุกคามรูปแบบใหม่

ข่าวทั่วไป Thursday August 27, 2015 17:17 —สำนักโฆษก

พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยือนไทยในฐานะแขกของกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการระดับสูงไทย – เมียนมา ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 27 – 29 ส.ค. 2558

วันนี้ (27 ส.ค. 2558) เวลา 11.00 น. พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ไหล่ (Senior General Min Aung Hlaing) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ภายหลังการหารือ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา ในโอกาสเดินทางมาเยือนไทย และเชื่อมั่นว่าการประชุมคณะกรรมการระดับสูงไทย – เมียนมา จะประสบความสำเร็จและช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพทั้งสองให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจกรณีอุทกภัยในภาคตะวันตกของเมียนมา โดยภายหลังเกิดเหตุการณ์ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดส่งความช่วยเหลือ ทีมแพทย์ เวชภัณฑ์และสิ่งของบรรเทาทุกข์ต่างๆ ไปให้เมียนมาอย่างเร็วที่สุด ซึ่งพลเอกอาวุโส มิน อ่อง ไหล่ ได้กล่าวแสดงความขอบคุณที่ไทยอยู่เคียงข้างเมียนมาในช่วงที่ประสบกับความยากลำบาก ตลอดจน รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อช่วยเหลือในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเมียนมาได้รับความช่วยเหลือจากไทย รวมทั้งสิ้นในขณะนี้เป็นเงิน 18 ล้านบาท โดยกองบัญชาการกองทัพไทยยังได้ส่ง นายทหารจำนวน 50 นายเข้าไปให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนเมียนมาในพื้นที่ประสบภัยด้วย

ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความใกล้ชิดในทุกมิติและทุกระดับ มีการแลกเปลี่ยนการเยือนและการประชุมภายใต้กลไกความร่วมมือทวิภาคี โดยไทยยืนยันที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมืออันใกล้ชิดกับเมียนมาอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางที่ได้หารือกับประธานาธิบดีเมียนมา นอกจากนี้ ไทยจะเร่งพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดนที่สามารถเชื่อมโยงกับเมียนมาและประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึง โครงการทวาย ซึ่งทางฝ่ายเมียนมากล่าวว่า ต้องการสนับสนุนให้โครงการนี้เกิดขึ้นโดยเร็วเช่นกัน เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

ความร่วมมือด้านแรงงาน นายกรัฐมนตรีได้แสดงความประสงค์ที่จะเร่งรัดกระบวนการขึ้นทะเบียนแรงงาน เพื่อที่รัฐบาลไทยจะได้ดูแลแรงงานเหล่านี้ได้อย่างทั่วถึงและเพื่อป้องกันการโดนเอารัดเอาเปรียบของแรงงานเมียนมา ซึ่งเมียนมารับที่จะไปเร่งรัดหน่วยงานที่ทำหน้าที่พิสูจน์สัญชาติให้ดำเนินงานให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรองรับสู่การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีจัดทำสายด่วน (hotline) ระหว่างผู้นำในระดับต่างๆ เพื่อให้ไทยและเมียนมาสามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

ด้านการค้าการลงทุน นายกรัฐมนตรี เห็นว่าปัจจุบันมีนักธุรกิจไทยสนใจเข้าไปลงทุนในเมียนมามากขึ้น จึงฝากให้รัฐบาลเมียนมาช่วยดูแลนักลงทุนชาวไทย ซึ่งฝ่ายเมียนมาเอง กล่าวว่า ต้องการสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติเช่นกัน และได้ออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองนักลงทุนต่างชาติด้วย โดยยืนยันที่จะให้การดูแลนักลงทุนไทยเป็นอย่างดีไทยอย่างดี

ด้านความร่วมมือทางทหาร นายกรัฐมนตรียืนยันที่จะสนับสนุนการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความไว้เนื้อเชื่อใจกับกองทัพเมียนมาในทุกระดับ เพื่อสร้างความปรองดองและการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย – เมียนมา ซึ่งมีชายแดนติดต่อกันเป็นทางยาว จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการปรึกษาหารือกันอยู่เสมอๆ รวมถึงการประชุมคณะกรรมการต่างๆ ในกรอบชายแดนเพื่อจะได้ใช้เป็นเวทีในการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ และขยายความร่วมมือในด้านที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมกันสร้างความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน อาทิ การแก้ไขปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมือง การแก้ไขปัญหาผู้หนีภัย การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และการให้ความร่วมมือในการเปิดจุดการค้าชายแดนในทุกพื้นที่

ในตอนท้าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาได้กล่าวถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแสดงความเชื่อว่า ภายใต้การบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยจะประสบความสำเร็จในการปฏิรูปประเทศและมีความสงบเรียบร้อย

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ