เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏานประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี

ข่าวทั่วไป Thursday December 8, 2016 14:31 —สำนักโฆษก

วันนี้ (8 ธันวาคม 2559) เวลา 13.30 น. นายเชวัง โชเฟล ดอร์จี (H.E.Mr. Tshewang Chophel Dorji) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏานประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยพลโทวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่เอกอัครราชทูตฯ ได้เข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตภูฏานประจำประเทศไทย พร้อมหวังว่า จะได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับภูฏานให้มีความใกล้ชิดในทุกระดับ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและภูฏานมีความแน่นแฟ้นและเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดระยะเวลาเกือบ 27 ปี ด้านเอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่ายินดีและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับตำแหน่ง และขอบคุณฝ่ายไทยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมยืนยันที่จะร่วมมือเพื่อพัฒนาศักยภาพและความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอย่างรอบด้าน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประชาชนชาวไทยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏานในฐานะประมุขรัฐพระองค์แรกที่ได้เสด็จฯ เยือนไทยเพื่อแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมขอบคุณรัฐบาลและประชาชนชาวภูฏานสำหรับกำลังใจที่มอบแด่ประชาชนชาวไทยต่อการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้ นอกจากนี้ รัฐบาลและประชาชนชาวไทยรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งที่สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏานได้มีพระบรมราชโองการให้จัดพิธีจุดตะเกียงเนยเพื่อแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในวัดทั่วภูฏาน และได้ทรงนำสมาชิกพระราชวงศ์ไปจุดตะเกียงที่วัดด้วยพระองค์เอง

นายกรัฐมนตรี ขอบคุณฝ่ายภูฏานที่ได้รับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อย่างสมพระเกียรติเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ พร้อมยินดีที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทอดพระเนตรโครงการพัฒนาสุขภาพเด็กและเยาวชนในด้านโภชนาการที่โรงเรียนในชนบทในภูฏานที่ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว และเชื่อว่าการเสด็จฯ เยือนภูฏานของพระองค์จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและภูฏาณในด้านต่างๆ ซึ่งเห็นโอกาสที่จะสามารถร่วมมือกันในหลายสาขา อาทิ การค้าและการลงทุน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นควรให้มีการเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเห็นควรให้มีการส่งเสริมความร่วมมือในด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร และพืชสมุนไพร เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าในการจำหน่าย และไทยยินดีที่จะให้การสนับสนุนการลงทุนด้านสาธารณสุขด้วย

การท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า นักลงทุนไทยมีความสนใจในศักยภาพของภูฏาน โดยเฉพาะในด้านการก่อสร้างและการท่องเที่ยว โดยขณะนี้ มีนักธุรกิจไทยไปดำเนินธุรกิจโรงแรมหลายแห่ง ซึ่งไทยพร้อมที่จะสนับสนุนส่งเสริมให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเห็นควรให้มีการเชื่อมโยงทางการท่องเที่ยวไม่เพียงแค่ไทยและภูฏาน แต่รวมถึงประเทศอื่นด้วย เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวนะหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น ด้านเอกอัครราชทูตกล่าวว่า ชาวภูฏานนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ชาวไทยเองก็เดินทางไปท่องเที่ยวภูฏานจำนวนมากด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เห็นว่า การท่องเที่ยวจะช่วยกระชับความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์ รวมถึงความเข้าใจอันดีระหว่างกันในระดับประชาชน เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความคล้ายคลึงกันในหลายด้าน อาทิ ระบอบกษัตริย์ ศาสนา และวัฒนธรรม ซึ่งนายกรัฐมนตรี เห็นว่า ควรส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวและจัดกิจกรรมตามฤดูกาล เพื่อสร้างจุดเด่นและดึงดูดนักท่องเที่ยว

ความร่วมมือทางด้านวิชาการและความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา นายกรัฐมนตรียินดีที่แผนงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาไทย – ภูฏาน ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ ไทยพร้อมจะร่วมมือกับภูฏานด้านการพัฒนาต่อไป ซึ่งรวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ภายใต้แผนงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาไทย – ภูฏาน ในระยะ 3 ปีข้างหน้าในสาขาที่ไทยมีความเชี่ยวชาญและตามความต้องการของฝ่ายภูฏาน ด้านเอกอัครราชทูตขอบคุณฝ่ายไทยสำหรับความร่วมมือในเรื่องดังกล่าว

ความร่วมมือด้านการเกษตร นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชม สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก และยินดีที่ทราบว่า ฝ่ายภูฏานได้นำหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาปรับใช้ เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านการเกษตรเนื่องจากไทยและภูฏานเป็นประเทศเกษตรกรรมเช่นเดียวกัน

ความสัมพันธ์ด้านศาสนาและวัฒนธรรม นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณฝ่ายภูฏานที่ได้อนุญาตให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงธากาเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายที่วัดพังรี ชัมปา (Pangri Zampa) ณ กรุงทิมพู เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2559 (ค.ศ. 2016) และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่สมเด็จพระราชชนนีซังเก โชเดน วังชุกแห่งภูฏาน พร้อมด้วยเจ้าหญิงอูเฟลมา โชเดน วังชุกได้เสด็จฯ เข้าร่วมพิธีดังกล่าวด้วย

ในตอนท้าย เอกอัครราชทูตฯ ขอแสดงความยินดีและถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และขออวยพรให้ประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรือง และประชาชนมีความสุข

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ