นายกฯ พอใจส่งออกไทยขยายตัวสูงสุดในรอบ 52 เดือน กำชับสร้างความเข้มแข็งภายในควบคู่กัน ชี้นักลงทุนต่างชาติตอบรับอีอีซีเกินคาด เตรียมขยายพื้นที่รองรับการพัฒนา หนุนเศรษฐกิจเติบโต

ข่าวทั่วไป Saturday June 24, 2017 15:26 —สำนักโฆษก

นายกฯ พอใจส่งออกไทยขยายตัวสูงสุดในรอบ 52 เดือน กำชับสร้างความเข้มแข็งภายในควบคู่กัน ชี้นักลงทุนต่างชาติตอบรับอีอีซีเกินคาด เตรียมขยายพื้นที่รองรับการพัฒนา หนุนเศรษฐกิจเติบโต

วันนี้ (24 มิถุนายน 2560) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจกับตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน พ.ค.60 ที่เติบโตสูงถึงร้อยละ 13.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดือนกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 52 เดือน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เช่น ยางพารา น้ำตาลไทย ผักผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ

“นายกฯ กล่าวว่า นอกจากปัจจัยการค้าโลกขยายตัวต่อเนื่อง การส่งออกไปสหรัฐฯ และเวียดนามสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และตลาดตะวันออกกลางขยายตัวดีขึ้น ส่งผลการให้ภาพรวมการส่งออกไทยเติบโตขึ้นแล้ว ต้องชื่นชมการทำงานของทุกคนทั้งข้าราชการและภาคเอกชนที่ใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยสามารถปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกส่วนเร่งรัดการลงทุนภายในประเทศและส่งเสริมเศรษฐกิจระดับฐานรากให้เข้มแข็งตามแผนที่กำหนดไว้ควบคู่ไปกับการส่งออก เพื่อสร้างความสมดุลทั้ง 2 ด้าน”

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีนักลงทุนจากต่างประเทศหลายรายให้ความสนใจที่จะมาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เช่น สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ซึ่งมีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ และยานยนต์ไฟฟ้า โดยทุกประเทศเห็นว่าพื้นที่อีอีซีของไทยจะเป็นจุดเชื่อมโยงไปสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลกได้

“การลงทุนจริงจะเกิดขึ้นในปีหน้า เช่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา สร้างศูนย์ซ่อมอากาศยาน ที่ บ.การบินไทย ได้ลงนามความร่วมมือกับ บ.แอร์บัส โครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-ระยอง โครงการท่าเรือมาบตาพุดแหลมฉบัง โครงการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลในอีอีซี (Digital Park) และการตั้งฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV หุ่นยนต์ และอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ของนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าว่าจะมีเงินลงทุนในอีอีซีไม่ต่ำกว่า 500,000 ลบ.ภายใน 5 ปี”

ล่าสุดกรมธนารักษ์ได้เตรียมมอบพื้นที่ราชพัสดุ 3,000 – 4,000 ไร่ ใน จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเป็นเมืองใหม่สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยรองรับประชาชนที่จะไปทำงานในอีอีซี รวมกับของเดิมที่ได้สนับสนุนพื้นที่ 759 ไร่ ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อจัดตั้ง Digital Park Thailand และพื้นที่อีกกว่า 6,500 ไร่ เพื่อพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ