เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ข่าวทั่วไป Thursday November 9, 2017 15:37 —สำนักโฆษก

เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

วันนี้ (9 พฤศจิกายน 2560) เวลา 11.00 น. นายอะศิม อิฟติคัร อะห์มัด (Asim Iftikhar Ahmad) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเข้าดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญดังนี้

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่นายอะศิม อิฟติคัร อะห์มัด เข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานฯ และพร้อมกระชับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทย – ปากีสถาน ที่ดำเนินมาอย่างยาวนานและมีความใกล้ชิดในทุกระดับ บนพื้นฐานของความเข้าใจอันดีระหว่างทั้งสองประเทศ ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานฯ กล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้าดำรงตำแหน่ง โดยได้กล่าวถึงการพัฒนาประเทศตามนโยบายและยุทธศาสตร์ที่สำคัญของไทย Thailand 4.0 ซึ่งจะส่งผลในการพัฒนาและความร่วมมือของทั้งสองประเทศให้ก้าวหน้า

ทั้งสองฝ่ายยินดีกับความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างไทย – ปากีสถาน โดยเอกอัครราชทูตปากีสถานฯ ต้องการให้ทั้งสองประเทศยกระดับความร่วมมือโดยแบ่งเป็น 2 ระดับ อันได้แก่ ระดับทวิภาคี 5 ด้าน คือ 1. การลงทุน ซึ่งจะทำให้เกิดผลประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย ในการโดยการวางยุทธศาสตร์ แบบ G2G(Government to Government) B2B(Business to Business) และ P2P(People to People) 2. การค้า โดยมุ่งเน้นที่มีความร่วมมือระหว่างไทย – ปากีสถาน 3. การท่องเที่ยว ซึ่งมีการสนับสนุนในสถานที่ท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ อาทิ อารยธรรมพุทธแห่งเมืองตักศิลา เป็นต้น 4. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และ 5. ด้านเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ สำหรับระดับภูมิภาค คือ Region to Region โดยการที่ประเทศไทยจะเป็นประตูในการลงทุน อันจะเป็นประตูในด้านต่างๆ อาทิ ระเบียงพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อจะเป็นการพัฒนาการและสนับสนุนความร่วมมือที่จะขยายออกไปในประเทศเพื่อน ซึ่งทั้งสองฝ่ายมุ่งที่จะเจรจา FTA ไทย – ปากีสถาน อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศที่ตั้งเป้าให้มีมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561

ในช่วงท้าย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณเอกอัครราชทูตปากีสถานฯ ที่จะช่วยส่งเสริมความร่วมมืออย่างยาวนานของทั้งสองประเทศต่อไป

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ