(เพิ่มเติม) ผบ.ทบ.แจงเหตุ จนท.วิสามัญ 2 คนร้ายที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

ข่าวทั่วไป Saturday November 15, 2014 12:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานีที่ 24 (ฉก.ปัตตานี 24) ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 (ฉก.ทพ.43) และชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษสนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านไม่มีเลขที่ในพื้นที่ บ.บาโงนากอ ม.3 ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิกจ.ปัตตานี เมื่อวานนี้ และได้เกิดการปะทะกันขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ได้วิสามัญคนร้ายเสียชีวิตจำนวน 2 ราย ว่า เป็นไปตามข่าวที่ได้เสนอออกไป ซึ่งเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าว เนื่องจากบุคคล 2 คนนั้น มีหมายจับของทางราชการและมีการต่อสู้กับทางเจ้าหน้าที่ แต่ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ต้องการให้เกิดความรุนแรงในลักษณะดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นทุกครั้งในพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีการนำเหตุการณ์เหล่านั้นมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุและแนวทางการแก้ไขการป้องกันอยู่ตลอด
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ และโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคง ภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2557 เวลา 03.30 น. เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่บ้านโคกโหนด หมู่ที่ 3 ตำบลคอลอตันหยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ผลจากการปฏิบัติได้ปะทะกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเป็นเหตุให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิตจำนวน 2 คน ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 5 คน และยึดอาวุธปืนพกจำนวน 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง และอุปกรณ์อื่นๆ อีกหลายรายการ

จากกรณีดังกล่าวจากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ประกอบด้วย นายรุสดี แบรอสะแม อายุ 33 ปี เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ มีหมายจับ ป.วิอาญา 11 หมาย และนายอับดุลเราะห์มาน เจ๊ะเต๊ะ อายุ 31 ปี เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ มีหมายจับ ป.วิอาญา 45 หมาย ได้สร้างความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์มาอย่างมาก

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลดังกล่าว เตรียมสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องจัดกำลังเข้าติดตามจับกุมในพื้นที่ดังกล่าว โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ประสานขอความร่วมมือ ผู้นำศาสนาและผู้นำท้องที่ช่วยเกลี้ยกล่อมให้ออกมามอบตัว แต่ทั้ง 2 คนได้ใช้อาวุธปืนต่อสู่จึงเกิดการปะทะและเกิดความสูญเสียขึ้น

สำหรับผู้ที่ยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ทั้ง 5 คน จากการตรวจสอบทราบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ จำนวน 2 คน จึงปล่อยตัวกลับบ้านส่วนที่เหลือจะได้รับการปฏิบัติในการเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายด้วยความเสมอภาคและเป็นธรรม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ