จากการสำรวจเบื้องต้น พบว่า จุดผ่อนผันที่มีผู้ค้าน้อยกว่า 15 ราย มีจำนวน 293 จุด จึงสั่งการให้เขตฯสำรวจลงลึกในรายละเอียดเพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปในการคืนทางเท้าให้กับพี่น้องประชาชน หรือจัดระเบียบให้กับผู้ค้าให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ซึ่งจุดผ่อนผันทั้ง 293 จุด มีหลายลักษณะที่ต้องพิจารณา อาทิ บางจุดผ่อนผันผู้ค้าไม่ใช่ชุดเดิม ไม่ตรงตามบัญชีรายชื่อ มีการเช่า-เซ้งต่อกันมา ซึ่งไม่ถูกต้องตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขการค้าขายในพื้นที่ผ่อนผัน ดังนั้นผู้ค้าที่ไม่มีรายชื่อ หรือผู้ค้าที่เช่า-เซ้งแผงค้า ไม่สามารถทำการค้าบริเวณจุดผ่อนผันได้ กทม. มีความจำเป็นต้องยกเลิกผู้ค้าดังกล่าวเป็นรายๆ ไปในแต่ละจุดผ่อนผัน แต่ถ้าหากเหลือผู้ค้าในจุดผ่อนผันใดเพียง 1-2 ราย กทม.จะพิจารณาหาหนทางเพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้ค้าให้ทำการค้าบริเวณใกล้เคียงต่อไป
ส่วนเรื่องที่ 2 ปัจจุบันพื้นที่ทางกายภาพเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมพื้นที่เป็นทางเท้าแต่ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นทางเข้าที่จอดรถ ป้ายจอดรถโดยสารประจำทาง มีการสัญจรมากขึ้นทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการใช้ทางเท้า กทม.มีจำเป็นต้องดำเนินการจัดระเบียบตามข้อเท็จจริงเพื่ออำนวยความสะดวกในการสัญจรทางเท้าให้แก่ประชาชนและเพื่อความเป็นระเบียบของผู้ค้าด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ได้รับรายงานว่ามีผู้ค้าบางรายทำการรวมแผงค้า จาก 15 ราย รวมเป็น 2 ราย เพื่อเป็นแผงค้าขนาดใหญ่เพื่อทำเป็นร้านอาหารริมทางเท้าซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของการอนุญาตให้ทำการค้าในจุดผ่อนผัน ซึ่งกรณีเช่นนี้กทม. จะสำรวจและสั่งการต่อไป
"ที่มีข่าวว่า กทม.จะยกเลิกจุดผ่อนผันที่มีผู้ค้าน้อยกว่า 15 รายนั้นเป็นความคลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริง ขณะนี้เป็นการสำรวจเพื่อพิจารณาข้อมูลเป็นรายๆ ไป"นายวัลลภ กล่าว
สำหรับเรื่องการหยุดขายวันจันทร์ โดยปกติวันจันทร์เป็นวันทำงานวันแรกของสัปดาห์ การสัญจรทางเท้าและการจราจรจะแออัดพี่น้องประชาชนอยู่ในสภาวะเร่งรีบ ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการหยุดขายวันจันทร์ทุกแห่ง ทางเท้าจะโล่งมากพี่น้องประชาชนสามารถสัญจรได้โดยสะดวก ดังนั้น กทม.มีความจำเป็นต้องขอร่วมมือผู้ค้าให้หยุดขายทุกวันจันทร์ เพื่อบูรณะและทำความสะอาดทางเท้า รวมทั้งลดปัญหาการจราจร