มท.1 สั่งการทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมกำหนดมาตรการเชิงรุก รับมือภัยในช่วงฤดูฝน

ข่าวทั่วไป Thursday May 17, 2018 16:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้ทุกจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร เตรียมพร้อมแก้ไขปัญหาอุทกภัยเชิงรุก มุ่งเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมแจ้งเตือนภัยที่รวดเร็วและเข้าถึงประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย รวมถึงวางระบบการจัดการในภาวะฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการสนธิกำลังและทรัพยากรในการปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ในทันทีที่เกิดภัย การวางระบบการสื่อสารให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา รวมถึงเน้นการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยของผู้ประสบภัยเป็นหลัก ควบคู่กับการฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว

ทั้งนี้จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ฤดูฝนปีนี้จะมีปริมาณฝนรวมทั้งประเทศน้อยกว่าค่าปกติเล็กน้อย ซึ่งในช่วงต้นฤดูฝนจะมีฝนตกชุกและฝนตกต่อเนื่อง ส่วนช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม 2561 ปริมาณฝนและการกระจายตัวของฝนจะลดลง จากนั้นจะมีฝนตกชุกหนาแน่นกับฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม

โดย รมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้เตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยเชิงรุก ดังนี้ การเตรียมพร้อมก่อนเกิดภัย โดยปรับปรุงแผนการเผชิญเหตุอุทกภัยระดับจังหวัดให้สอดคล้องกับแนวทางการจัดการสาธารณภัยที่กำหนด รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย โดยเฉพาะเขตชุมชน เส้นทางคมนาคมสายหลัก ด้วยการขุดลอกคู คลอง ร่องน้ำ และท่อระบายน้ำ รวมถึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำและจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยง เพื่อให้การระบายน้ำสอดคล้องกับปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่ อีกทั้งจัดเตรียมพื้นที่รองรับน้ำป้องกันน้ำท่วม โดยกำจัดวัชพืช ขยะ และสิ่งกีดขวางทางน้ำ ตามแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำหลากในช่วงที่มี ฝนตกหนัก รวมถึงกำหนดจุดติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ เพื่อพร่องน้ำและระบายน้ำที่ท่วมขังไปยังพื้นที่รองรับน้ำหรือผันน้ำสู่แหล่งกักเก็บน้ำ ตลอดจนสร้างการรับรู้เกี่ยวกับป้องกันอุทกภัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงฤดูฝน รวมถึงรณรงค์การไม่ทิ้งขยะลงแม่น้ำ คู คลองท่อระบายน้ำ เพื่อไม่ให้มีสิ่งกีดขวางเส้นทางน้ำ

สำหรับการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัด อำเภอ รวมถึงศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นศูนย์กลางระดมสรรพกำลังและทรัพยากร อำนวยการ ประสานการปฏิบัติด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเชื่อมโยงกลไกการสั่งการจากกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ รวมถึงวางระบบติดต่อสื่อสารหลัก-รอง ให้ใช้งานได้ตลอดเวลา เชื่อมโยงการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ให้เปิดทางน้ำไหล และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ

พร้อมทั้งจัดชุดปฏิบัติการดูแลด้านการดำรงชีพ ด้วยการจัดหาอาหาร และน้ำดื่มสะอาดให้เพียงพอ การรักษาความปลอดภัย การจัดศูนย์พักพิงชั่วคราวให้พร้อมรองรับผู้ประสบภัย การดูแลสุขภาพอนามัยและรักษาพยาบาล รวมถึงการแจกจ่ายถุงยังชีพให้ครอบคลุมทุกครัวเรือนตามวงรอบอย่างต่อเนื่อง

กรณีสถานการณ์ภัยขยายวงกว้างให้แบ่งพื้นที่ กำหนดภารกิจ และมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบให้ชัดเจน พร้อมประสานหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องมืออุปกรณ์ และยานพาหนะในการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรณีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ให้จัดทีมช่างประชารัฐตำบลด้วยการสนธิกำลังหน่วยทหาร ตำรวจ นักศึกษาอาชีวศึกษา และเครือข่ายช่างดำเนินการซ่อมแซมบ้านเรือน กรณีเส้นทางคมนาคมได้รับความเสียหาย ให้จัดหายานพาหนะอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน พร้อมเร่งซ่อมแซมเส้นทางให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ

นอกจากนี้ ให้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับข้อมูลสถานการณ์ภัย ทั้งการแจ้งเตือนภัย แนวโน้มสถานการณ์ภัย แนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และวิธีปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยผ่านช่องทางการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ อาทิหอกระจายเสียง สถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ สื่อสังคมออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ