กนช. มอบสทนช.บูรณาการทุกหน่วยเตรียมรับมือน้ำหลากปีนี้ เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญๆ

ข่าวทั่วไป Monday May 21, 2018 16:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนช.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้พิจารณาเห็นชอบแผนงานสำคัญ 5 เรื่อง ได้แก่ 1.การปรับปรุงกระบวนการจัดทำแผนงาน โครงการ และงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบ ซึ่งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานว่า งบประมาณบูรณาการด้านน้ำปี 2562 ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 63,271 ล้านบาท แต่ยังคงมีบางหน่วยงานนำเสนอแผนงานด้านน้ำเพื่อขอรับงบประมาณจากแหล่งเงินอื่น ๆ อีก เช่น งบจังหวัด งบกลุ่มจังหวัด หรือในลักษณะบูรณาการอื่น ๆ ที่ประชุมฯ จึงมีมติให้ สทนช.ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ พิจารณาแนวทางในการปรับปรุงกระบวนการจัดทำแผนงานและโครงการจากทุกแหล่งเงิน เพื่อลดความซ้ำซ้อนกับแผนงานอื่น

2.การขับเคลื่อนแผนงานโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ปี 2562-2565 ที่สามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีทั้งหมด 30 โครงการ เพิ่มปริมาณการเก็บกักน้ำรวมทั้งหมดได้ 4,320 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) มีพื้นที่ได้รับประโยชน์รวม 4.5 ล้านไร่ มีโครงการที่ผ่านการพิจารณากรอบวงเงินปี 2562 จำนวน 3 โครงการ คือ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง จ.หนองคาย, โครงการประตูระบายน้ำศรีสองรัก จ.เลย และโครงการประตูระบายน้ำลำน้ำพุง-น้ำก่ำ พร้อมคลองผันน้ำ 4 สาย จ.สกลนคร และมีโครงการอยู่ระหว่างการออกแบบ จำนวน 3 โครงการ คือ โครงการอ่างเก็บน้ำลำสะพุงฯ จ.ชัยภูมิ, โครงการคลองระบายน้ำหลาก บางบาล-บางไทร พร้อมอาคารประกอบ จ.พระนครศรีอยุธยา และโครงการอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองเปรมประชากร ซึ่งที่ประชุมฯ ได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเสนอรายละเอียดโครงการสำคัญเหล่านี้ให้ กนช.พิจารณาในการประชุมคราวถัดไป

3.โครงการระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ จ.หนองบัวลำภู เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูก วงเงินประมาณ 210.82 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่จังหวัดขอรับการสนับสนุนงบประมาณในคราวที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ เมื่อวันที่ 22 มี.ค.61 ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบในหลักการให้ จ.หนองบัวลำภู ไปดำเนินการปรับแผนใช้เงินเหลือจ่ายของหน่วยงานในเบื้องต้นก่อน แต่หากมีความจำเป็นต้องใช้งบกลาง ให้ประสานกับสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงพลังงานสนับสนุนระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์

4.การปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2550 ที่ประชุมฯ เห็นชอบในหลักการให้ สทนช.ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติฉบับใหม่เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป โดยเน้นการปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการลุ่มน้ำ ให้ สทนช.เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการลุ่มน้ำ พร้อมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ร่วมพิจารณาตัดโอนอัตรากำลังที่สอดคล้องกับภารกิจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสำนักงบประมาณ สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการต่อไป

และ 5.การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ ด้านนโยบายการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ที่ประชุมเห็นชอบให้ สทนช. เป็นหน่วยงานหลักด้านนโยบายในการประสานงานการบริหารจัดการน้ำกับองค์การนานาชาติ องค์การระหว่างประเทศ ความร่วมมือทวิภาคี พหุภาคี และให้เป็นหน่วยงานหลักในการกระจายภารกิจที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานอย่างเป็นเอกภาพ โดยให้ สทนช. กพ. กพร. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการดำเนินการดังกล่าว และเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป

ด้านนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช.ในฐานะเลขานุการ กนช. กล่าวว่า ในส่วนของแผนการบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนปี 2561 คาดว่าจะมีค่าฝนเฉลี่ยน้อยกว่าปกติ 5-10% และน้อยกว่าปี 2560 โดยอาจจะเกิดฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายน และจะมีโอกาสเกิดพายุเข้าประเทศไทยจำนวน 1-2 ลูก ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน มีการวางแผนเพาะปลูกข้าวในช่วงฤดูฝนจำนวน 60 ล้านไร่ และจัดสรรน้ำเพื่อใช้ในทุกภาคส่วนรวม 88,771 ล้าน ลบ.ม. หลังสิ้นฤดูฝนคาดว่าจะมีน้ำต้นทุนสำหรับพื้นที่การเกษตรฤดูแล้ง ปี 2561/62 ประมาณ 60,064 ล้าน ลบ.ม.มากกว่าปี 2560 จำนวน 10,910 ล้าน ลบ.ม.

สำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือน้ำหลากในปีนี้นั้น ที่ประชุมฯ ได้สั่งการให้กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเตรียมการรับมือสถานการณ์น้ำหลาก โดยให้ สทนช.ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการบูรณาการการบริหารจัดการน้ำในฤดูน้ำหลาก การจัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือ ตลอดจนการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ภาคประชาชนในการรับมือน้ำหลาก ในปีนี้ สทนช.เตรียมจัดงาน "การเตรียมความพร้อมจัดการน้ำหลากปี 2561" ในวันที่ 4 มิ.ย.61 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมจัดนิทรรศการเพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การบูรณาการเตรียมความพร้อมของรัฐบาลในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากปี 2561 ซึ่งการดำเนินงานในช่วงต่อจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะได้ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อสร้างความรับรู้ให้แก่ประชาชนต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้รับทราบผลการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตั้งแต่ปี 2557-2560 การดำเนินงานตามมติ กนช.และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเรื่องสำคัญ เช่น การจัดการน้ำอุปโภคบริโภคที่ยังคงเหลือหมู่บ้านที่ไม่มีระบบประปาจำนวน 256 หมู่บ้าน จะดำเนินการเร่งรัดให้ครบทุกหมู่บ้านภายในปี 2562, การปรับปรุงร่างแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการปฏิรูปประเทศ, การกำหนด Area Based 66 พื้นที่ ให้ สทนช.ดำเนินการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนงานโครงการสำคัญในพื้นที่ดังกล่าว, การดำเนินการปรับปรุงสิ่งกีดขวางลำน้ำในพื้นที่ภาคใต้ 111 แห่ง กำหนดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2562, การขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ป่าอนุรักษ์ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการคู่ขนานกันและประสานงานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ