ดุสิตโพลเผยคนส่วนใหญ่เห็นด้วยถอดยศ"ทักษิณ" แต่ห่วงเป็นชนวนขัดแย้งมากขึ้น

ข่าวทั่วไป Saturday October 31, 2009 10:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการถอดยศ และริบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 41.94% เห็นด้วย เพราะเครื่องราชฯ ที่ได้รับเป็นของสูงค่าที่ได้มาจากการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต หากผู้ที่ได้รับกระทำตัวไม่เหมาะสมก็ควรถอดถอนคืน เพื่อมิให้เป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติ

ขณะที่ประชาชนอีก 31.91% ระบุว่าไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการตอกย้ำว่าอดีตนายกฯ ทักษิณเป็นผู้ที่มีความผิดร้ายแรงตามที่สังคมกล่าวหา, เป็นการทำลายชื่อเสียงเกียรติยศที่ได้สั่งสมมา และเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นอีก

ทั้งนี้จากที่หลายฝ่ายมีความหวังอยากให้การเมืองไทยเกิดความสมานฉันท์ แต่กรณีนี้ประชาชนส่วนใหญ่ 53.37% เชื่อว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น เพราะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่ชื่นชอบและสนับสนุนอดีตนายกฯ ทักษิณ, เป็นชนวนหรือสาเหตุที่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวทางการเมือง และกลายเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาอีกครั้ง

ขณะที่ประชาชนอีก 25.76% มองว่าเหมือนเดิม เพราะสถานการณ์ทางการเมืองไทยวันนี้ถือว่าอยู่ในช่วงวิกฤต, การเมืองไทยแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว ความคิดเห็นย่อมไม่ตรงกันหรือสวนทางกันเป็นเรื่องปกติ

สำหรับการถอดยศ และริบเครื่องราชของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไปหรือไม่นั้น ประชาชนส่วนใหญ่ 42.55% มองว่าไม่รุนแรง เพราะเป็นการกระทำที่ว่าไปตามหลักเกณฑ์และยึดตามตัวบทกฎหมายที่ระบุไว้ในระเบียบต่างๆ นอกจากนี้หากมองในมุมมองทางการเมืองยังถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่หากผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและถูกตัดสินว่าผิดจริงในการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อันมิชอบ ก็ย่อมอยู่ในหลักเกณฑ์ตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ที่สามารถถอดยศได้

ขณะที่อีก 32.22% มองว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไป เพราะอยากให้นึกถึงคุณงามความดีในช่วงที่รับราชการรับใช้บ้านเมือง, เป็นการทำลายชื่อเสียงและเครดิตของอดีตนายกฯ ทักษิณอย่างมาก และเมื่อมองในมุมมองทางการเมือง จะเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดา เพราะเป็นการตอกย้ำและชี้ให้เห็นถึงความผิดของอดีตนายกฯ ทักษิณว่าผิดจริงถึงขั้นร้ายแรง และการเมืองไทยในระยะหลัง ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้บ่อยนัก

ทั้งนี้ผลสำรวจดังกล่าว มาจากความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศที่สนใจติดตามข่าวจำนวน 2,512 คน แยกเป็น กทม. 1,153 คน และต่างจังหวัด 1,359 คน ในระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2552



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ