นายกฯเผยอาจต้องใช้กฎหมายพิเศษกับคนดื้อดึงขัดขืนไม่ยอมให้จับกุมแต่ต้องไม่เกิดความรุนแรง

ข่าวการเมือง Saturday July 2, 2016 11:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ“คืนความสุขให้คนในชาติ"ว่า เรื่องการขยายความขัดแย้งใดๆก็ตาม โดยสื่อฯ + โซเชียล ทั้งโดยเจตนาหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร โดยไม่สนใจข้อกฎหมาย มันก็เลยทำให้สังคมเชื่อไปว่า รัฐมีการดำเนินการ 2 มาตรฐาน มันต้องมาตรฐานเดียว เพราะกฎหมายตัวเดียวกัน ไม่เคยคิดจะไปละเมิดสิทธิ์ใคร และก็ไม่พยายามจะใช้อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่มันก็จำเป็นที่ต้องใช้นะ เพราะคนปั่นป่วนยังมีอยู่ ถ้าไม่มีผมจะใช้ทำไม

สิ่งเหล่านี้ต้องช่วยอธิบายให้ต่างชาติได้เข้าใจว่าสถานการณ์ประเทศไทยเป็นอย่างไร วันนี้เรากำลังก้าวหน้าไปในทางที่ดี มีศักยภาพ มีหลายประเทศต้องการมาลงทุนกับเรา หลายประเทศก็ให้ความเชื่อมั่นในเรื่องของการปฏิรูปประเทศหรือการแก้ปัญหา ก็มีอย่างเดียวเท่านั้นแหละที่ไม่ยินยอมกันอยู่คือเรื่องทางการเมือง อยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่า อะไรมันสำคัญกว่ากันตอนนี้ จริงๆ แล้วสำคัญทั้งคู่ ถ้าเดินไปพร้อมๆ กันได้ก็ดีคือการเมืองก็คือการเมืองที่มันเป็นสุจริต แล้วก็ในเรื่องของการปฏิรูปก็ช่วยกันทำไปแล้ววันหน้าการเมืองเหล่านั้นก็เข้ามาทำต่อ มันมีปัญหาตรงไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ

แต่ผมยืนยันได้เป็นความสัตย์จริงว่า นับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 เป็นต้นมา ยังไม่มีใครต้องบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เลยจากการที่เราเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ฉะนั้นไปตรวจสอบได้ แม้กระทั่งใช้กฎหมายปกติหรือกฎหมายพิเศษ ไม่มีเลย หลายคนนี่ดื้อดึงขัดขืนหลีกเลี่ยงไม่ยอมให้จับกุม ใช้ประชาชนเป็นโล่กำบังอะไรเหล่านี้ แต่ถ้าดำเนินการได้ก็จะต้องถูกดำเนินคดี อาจจะต้องใช้กฎหมายพิเศษบ้าง แต่ก็ต้องทำในสถานการณ์ที่ไม่ทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ต้องเข้าใจ หลายคนก็ใจร้อน ทำไมไม่ใช้มาตราโน้น มาตรานี้ ทำให้เร็ว ผมไม่สามารถจะฝ่าคนเป็นพันๆเข้าไปได้ มันอยู่ที่ทำยังไงคนเป็นพันๆหมื่นคนเหล่านั้นจะยุติซะ แล้วก็ผลักดันให้คนที่มีปัญหาออกมาต่อสู้คดีตามกฎหมาย มันเหมือนไม่เคารพกฎหมาย ก็บอกว่า อะไรนะ จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต่อเมื่อประเทศชาติมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เอ๊ะเขาทำได้เหรอ ไม่น่าทำได้ ผมถามประชาชนทั้งประเทศว่าทำได้ไหม ช่วยกันตอบผมหน่อย ถ้าระหว่างนี้ทำผิดอะไรก็ได้ไม่เป็นไร แล้ววันหน้าค่อยมีรัฐบาลเลือกตั้ง แล้วค่อยมามอบตัวกันตอนนั้น ผมว่ามันไม่ใช่ วันนี้ผิดก็ต้องลงโทษวันนี้กระบวนการยุติธรรมเขาก็มีอยู่แล้ว เราก็เพียงแค่นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ท่านต่อสู้คดี

"เราอาจจะต้องใช้มาตรา 44 ในการควบคุมตัวเข้าจับกุม เพราะว่ามันหลายอย่างด้วยกันนะครับท่านก็รู้ดีอยู่ กฎหมายปรกติไม่ค่อยเชื่อ แต่เข้าไปจับกุมดำเนินคดีก็ใช้วิธีการอันละมุนละม่อมไม่เคยต้องไปทำร้าย ไปทุบตีอะไรต่างๆ ไปทรมาน ไม่เคยทำซักอย่าง ถ้าทำผมก็ลงโทษนะ ฉะนั้นก็เพียงนำพามา และสอบสวน ให้สู้คดี ต่างคนต่างก็พยายามที่จะบิดเบือน หลายคนก็เคยให้ความเมตตาแล้ว ให้ออกมา ให้ประกัน บอกไม่ประกันอีก จะขออยู่ในคุกก็แล้วแต่ตามใจ ก็ต้องเข้าใจนะครับ ไม่ใช่ผมไปบังคับให้เขาอยู่ ต้องการให้เขาติดคุกไม่ใช่ ผมเมตตาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะนิสิต นักศึกษา แต่เขาบอกเขาไม่อยากออกจากคุก จนกว่าจะมีประชาธิปไตย ก็แล้วแต่นะ ผมบังคับท่านไม่ได้อยู่แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับประเทศไทย คนไทย จะคิดยังไงนะ ว่าผมรังแกเขาหรือเปล่า พ่อแม่ก็เดือดร้อน ร้องไห้ แล้วก็กลายเป็นว่าพ่อแม่ก็มาเกลียดชังผม จริงๆมันไม่น่าใช่นะไปคิดเอา"นายกรัฐมนตรี กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ