(เพิ่มเติม1) ประธาน สนช.ประกาศจะกราบบังคมทูลอัญเชิญ"สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช"ขึ้นทรงราชย์เป็น"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ"

ข่าวการเมือง Tuesday November 29, 2016 18:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แจ้งต่อที่ประชุม สนช.วาระพิเศษว่า ตามที่ได้มีประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือด่วนที่สุดที่ นร.0503/44549 ลงวันที่ 29 พ.ย.59 เรื่องการสถาปนาแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้แล้วตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467 โดยแจ้งว่า บัดนี้ราชบัลลังก์ว่างลง และพระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467 แล้ว คณะรัฐมนตรีจึงขอแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อทราบ และให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป

"ตามที่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ได้รับทราบการแจ้งมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ในขั้นตอนต่อไป ผมจะได้นำความกราบบังคมทูลอัญเชิญ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของประชาชนชาวไทยสืบไป ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ประกอบมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 23" นายพรเพชร กล่าว

จากนั้น นายพรเพชร ได้ขอให้สมาชิก สนช.ทุกคนลุกขึ้นยืนเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลใหม่ และกล่าวคำถวายพระพระพร้อมกันว่า"ขอพระองค์ทรงพระเจริญ" จากนั้นจึงปิดการประชุม

นายพรเพชร เปิดเผยว่าขั้นตอนหลังจากที่ประชุม สนช.รับทราบการแจ้งมติ ครม.อัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์แล้วก็จะเป็นไปตามขั้นตอนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด คือ หลังจากนี้จะนำความกราบบังคมทูล ซึ่งขณะนี้สำนักพระราชวังยังไม่ประสานมาว่าจะให้เข้าเฝ้าฯ ได้เมื่อใด ส่วนขั้นตอนหลังจากนั้นจะมีการประกาศแจ้งให้ประชาชนทราบอย่างไร ค่อยมาว่าในรายละเอียดกันอีกครั้ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ในวันนี้มีการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อรับทราบการสถาปนาพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่และได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สนช. ซึ่งเป็นไปตามพระราชประเพณีและกฎมณเฑียรบาลถูกต้องครบทุกประการ

ทั้งนี้ หลังจากที่ สนช.ได้ประชุมนัดพิเศษในวันนี้แล้ว ก็จะได้กราบบังคมทูลอัญเชิญองค์พระรัชทายาททรงขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 ต่อไป ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 23 วรรค 1 โดยจะมีการเข้าเฝ้าฯ ในเร็วๆนี้

"ทุกคนร่วมกันทำประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศไทยในกระบวนการสำคัญในการอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นสืบราชสันติวงศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ สืบเนื่องจากกรณีที่พระราชบัลลังก์ว่างลง และต้องมีการสถาปนาพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ซึ่งได้มีการแต่งตั้งองค์พระรัชทายาทไว้ก่อนแล้ว"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระบวนการอัญเชิญขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ว่า การปฎิบัติได้ดำเนินการตามมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ซึ่งในวันนี้ได้ดำเนินการในขั้นตอนแรก คือ ครม.รับทราบกระบวนการ และแจ้งต่อประธาน สนช. ซึ่งประธานได้แจ้งต่อที่ประชุม สนช. เรียบร้อยแล้ว

สำหรับกระบวนการต่อจากนี้ คือ ประธาน สนช. จะเข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลฯ อัญเชิญขึ้นทรงราชย์ และเมื่อทรงรับแล้ว ประธานจะออกประกาศแจ้งต่อประชาชนให้รับทราบ แต่จะประกาศเมื่อใดนั้นยังไม่ทราบ

ทั้งนี้ ในส่วนของรัฐบาลยังไม่ได้มีการเตรียมการใดๆ และยังไม่ได้มีการกำหนดวันเข้าเฝ้าฯ

ส่วนเรื่องแนวทางการแต่งกายของประชาชนที่มีกระแสข่าวว่าจะต้องแต่งกายด้วยชุดสีขาวนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นไปตามกระแสข่าวที่ออกมา โดยยังคงให้ยึดถือตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมาที่ได้กำหนดให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐแต่งกายไว้ทุกข์เป็นเวลา 1 ปี รวมถึงเชิญชวนประชาชนปฏิบัติเช่นเดียวกันตามประเพณี

อย่างไรก็ตาม นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบพระนามของพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ และหากมีความชัดเจนก็จะมีการประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ