ที่ประชุม คตช. รับทราบความคืบหน้าคดีทุจริตรับจำนำข้าว 987 คดี คาดแล้วเสร็จราว มิ.ย.60

ข่าวการเมือง Wednesday March 15, 2017 13:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) แถลงว่า ที่ประชุมคตช. ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว 987 คดีที่ป.ป.ท. รับผิดชอบ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกรอบ 6 เดือนที่กำหนดไว้หรือภายในเดือน มิ.ย.60 และจะสามารถสรุปตัวเลขผู้กระทำความผิดและค่าเสียหายอีก 80% ที่เหลือ เพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามคำสั่งมาตรา 44 ตรวจสอบข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต 353 คน ซึ่งขณะนี้ถูกให้ออกจากราชการในกรณีต่างๆ 127 คน อยู่ระหว่างการชี้มูลของ ป.ป.ช. 37 คน และอยู่ระหว่างการตรวจสอบทางวินัยของต้นสังกัด 66 คน ส่วนที่เหลืออีก 123 คน ทางต้นสังกัดยังไม่รายงานผล

นายประยงค์ กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ยังได้รับรายงานความคืบหน้ากรณีสินบนข้ามชาติโรลสรอยซ์ ที่ล่าสุดมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดำเนินการ 2 เรื่อง คือ ศึกษาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพื่อออกมาตรการป้องกัน และศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้น เนื่องจากขณะนี้กลุ่มความร่วมมือเพื่อต่อต้านการฟอกเงินเอเชียแปซิฟิค (เอพีจี) กำลังเข้ามาประเมินเกี่ยวกับการฟอกเงิน ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลกับหน่วยงานดังกล่าวอย่างเต็มที่ ในส่วนของ ป.ป.ช.ยืนยันคณะอนุกรรมการไต่สวนที่ตั้งขึ้นได้ทำงานอย่างเต็มที่ และจะใช้คณะกรรมการชุดนี้ตรวจสอบกรณีสินบนข้ามชาติต่อไป

นายประยงค์ กล่าวว่า มีการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการอำนวยความสะดวกในการอนุมัติ อนุญาตของทางราชการ เพื่อต่อต้านการรับสินบนทุกรูปแบบ ที่เป็นการยกระดับการดำเนินการให้มีความโปร่งใสเป็นธรรม ป้องกันการทุจริต โดยอาศัยการดำเนินการตาม พ.ร.บ.อำนวยความสะดวก รวมถึงได้รายงานผลการประเมินระดับสถานการณ์การทุจริตขององค์การความโปร่งใสนานาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรเดียวกับที่ประกาศจัดอันดับความโปร่งใสของไทยลดลงอยู่ที่อันดับ 101 ซึ่งในครั้งนั้นมีตัวชี้วัดเรื่องของประชาธิปไตยรวมอยู่ด้วย แต่การประเมินล่าสุดเกี่ยวข้องกับมาตรวัดการคอร์รัปชั่น ซึ่งสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างจาก 16 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ทำให้เห็นว่าการแก้ปัญหาของรัฐบาลดีขึ้น เมื่อเทียบผลสำรวจเมื่อปี 56 กับในปีนี้ เช่น เมื่อถามถึงความรุนแรงของการทุจริตในไทย ปี 56 รุนแรงถึง 66% แต่ปีนี้รุนแรง 14% ขณะที่ความพึงพอใจของรัฐบาลปี 56 อยู่ที่ 25% ขณะที่ปีนี้อยู่ที่ 72%

นายประยงค์ กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ยังมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ร่วมมือกับศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) และ ป.ป.ท. ตรวจสอบโครงการตามแนวทางของรัฐบาลที่กระจายลงสู่ท้องถิ่น หลังมีการร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับให้มีการตรวจสอบการทุจริตอย่างเด็ดขาด ไม่ต้องการให้โครงการเหล่านี้หยุดชะงัก เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน

นายประยงค์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีย้ำกับที่ประชุมเกี่ยวกับการแก้ปัญหาการทุจริตที่ขณะนี้มีการบิดเบือน ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง จึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและโปร่งใส ไม่ให้เกิดความขัดแย้งตามมา ทั้งนี้ในส่วนของการปลูกจิตสำนึกด้านการต่อต้านการทุจริต ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาโครงการท้องถิ่นสุจริตโปร่งใส ด้วยการจัดอบรมข้าราชการส่วนท้องถิ่น เพื่อสร้างการรับรู้และสร้างวัฒนธรรม และปลูกจิตสำนึก ตลอดจนสร้างเครือข่ายในการต่อต้านการทุจริต รวมไปถึงอบรมบุคคลากรทางการศึกษา เพื่อขยายการดำเนินโครงการ โตไปไม่โกง ที่ถูกกำหนดให้เป็นนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ