ป.ป.ช. มีมติชี้มูล"วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ"อดีตเลขาฯ"บุญทรง"ร่ำรวยผิดปกติ ส่งเรื่องอัยการยึดทรัพย์

ข่าวการเมือง Thursday November 30, 2017 15:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า กรณีที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 20 ม.ค.58 มีมติชี้มูลความผิด นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก ว่าทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว โดยในรายของ พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มีมูลความผิดทางอาญา โดยได้ร่วมกระทำความผิดกับนายบุญทรง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ และประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว กับพวก ด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำงานโดยช่วยเหลือ มุ่งหมายและเอื้อประโยชน์ให้กับ Guangdong stationery & sporting goods imp. & exp. Corp. และ Hainan grain and oil industrial trading company ซึ่งมิได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขาย แต่มีสิทธิเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่นแล้วนำข้าวที่ซื้อได้ในราคาต่ำกว่าราคาขายในประเทศ หรือต่ำกว่าราคาที่ฝ่ายไทยเสนอ หรือต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ นำไปขายต่อให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ หรือนำไปให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด นำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศและประเทศชาติอย่างร้ายแรง

ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.58 ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาและมีมติว่ากรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า พ.ต.วีระวุฒิ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ว่าร่ำรวยผิดปกติ ตามนัยมาตรา 66 มาตรา 75 วรรคสอง และมาตรา 77 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2550 จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยมี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ ซึ่งต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการร่ำรวยผิดปกติของ พ.ต.วีระวุฒิ, น.ส.ชุฏิมา วัชรพุกกะ อดีตคู่สมรส, บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นการชั่วคราวตามมาตรา 78 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 รวมมูลค่า 99,203,133.17 บาท

และเมื่อวันที่ 2 พ.ย.60 ที่ประชุมฯ ได้พิจารณารายงานผลการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่สามารถชี้แจงแหล่งที่มาของทรัพย์สินได้จึงมีมติว่า พ.ต.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 896,554,760.28 บาท ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.เงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อ พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ และอดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติ และผู้ใกล้ชิด จำนวน 53 บัญชี เป็นเงิน 567,715,461.37 บาท

2.เงินลงทุนในชื่อ พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ และอดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติ และผู้ใกล้ชิด จำนวน 6 แห่ง มูลค่า 260,142,651 บาท

3.ที่ดินในชื่ออดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติ จำนวน 12 แปลง ในท้องที่กรุงเทพมหานคร มูลค่า 57,066,828 บาท

4.ห้องชุดในชื่อของเครือญาติ ได้แก่ ห้องชุด ชื่อศาลาแดง โคโลเนต ตำบลสีลม อำเภอบางรัก กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 ห้อง มูลค่า 6,200,000 บาท

5.รถยนต์ จำนวน 4 คัน ในชื่อของเครือญาติ และผู้ใกล้ชิด มูลค่า 6,309,000 บาท

ทั้งนี้ ป.ป.ช.จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินของ พ.ต.วีระวุฒิ รวมมูลค่า 896,554,760.28 บาท ที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 80 (1) รวมทั้งขอให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อจัดให้มีวิธีคุ้มครองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 (1) และหากไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือได้แต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในอายุความสิบปี ตามนัยมาตรา 83 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ