อธิบดีกรมศุลฯ ยันคุมเข้มลักลอบนำเข้าสินค้าเชิงพาณิชย์พร้อมเอาผิดผู้ฝ่าฝืน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 3, 2014 17:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฯ เก็บป้ายเตือนห้ามนำเข้าสินค้าเกิน 1 หมื่นบาทต้องเสียภาษีออกจากอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งป้ายดังกล่าวได้ติดตั้งมานานกว่า 3 สัปดาห์แล้ว และเป็นนโยบายของอธิบดีคนเก่าที่ต้องการให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้า ซึ่งตนเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงเพิ่งมาเป็นข่าวในช่วงที่ตนเองเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน แต่ในฐานะของอธิบดีกรมศุลกากรจึงปัดความรับผิดชอบไม่ได้

ทั้งนี้ การเก็บป้ายเตือนดังกล่าวไม่ได้สะท้อนว่าการบังคับใช้กฎหมายกรณีการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าของกรมศุลกากรจะหย่อนยานลงไป โดยกระบวนการตรวจสอบทั้งหมดยังคงเดินหน้าไปอย่างเข้มข้นตามมาตรฐานสากลด้วยวิธีการสุ่มตรวจ ซึ่งในส่วนนี้กรมได้มีการประสานข้อมูลกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่จำเป็นต้องมีการสุ่มตรวจเป็นพิเศษอยู่แล้ว

"ได้มอบนโยบายเพิ่มเติมลงไปว่าให้จับตากลุ่มที่เน้นการนำเข้ามาเพื่อรูปแบบเชิงพาณิชย์เป็นพิเศษ โดยในส่วนนี้กรมมีข้อมูลในเชิงลึกและรายชื่อผู้ที่เข้าข่ายหมดแล้ว ก็พร้อมจะดำเนินการทันที หากข้าราชการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมายเช่นกัน" นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดหรือข้อสรุปว่าควรมีการปรับเพิ่มมูลค่าสินค้านำเข้าให้มากกว่า 1 หมื่นบาทที่กำหนดไว้ในกฎหมายก่อนหน้านี้ เนื่องจากมองว่ายังไม่ใช่เรื่องจำเป็น โดยที่ผ่านมาสินค้าที่มีการลักลอบนำเข้าในเชิงพาณิชย์ส่วนใหญ่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ กระเป๋า นาฬิกา เครื่องหนัง และเสื้อผ้าราคาแพง

นายสมชัย กล่าวว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร มีภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ในช่วง 2-3 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 57 แม้ทั้งปีจะจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายก็ตาม แต่ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มที่ รวมถึงต้องเร่งดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายของ คสช. โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่เออีซี และการจัดตั้ง National Single Window รวมถึงการเร่งแก้ไขระเบียบ และกฎหมายต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจการของภาคเอกชนให้มีความเป็นธรรมและโปร่งใสมากขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ