"วันนี้ผมได้เริ่ม kick-off งานแรกในแผนเร่งรัดการส่งออก โดยได้พบกับ CEO ของบริษัทรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ 3 บริษัทและจะทยอยพบกับบริษัทต่างๆ หลังจากนั้นช่วงปลายเดือนจะเริ่มการเดินทางไปหาทางขยายตลาดใหม่โดยมีอาฟริกาใต้เป็นจุดหมายแรก"พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เริ่มนำแผนปฏิบัติการเร่งรัดการส่งออก(Export Action Plan)ที่ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าทีมจัดทำร่วมกับกรมต่างๆ มาดำเนินการแล้ว งานแรกที่ต้องทำ คือ การพบกับ CEO ของบริษัทที่มีฐานการผลิตในประเทศไทยและเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่หรือมีศักยภาพในการขยายการส่งออก เพื่อหาทางสนับสนุนให้ขยายการส่งออกสินค้าเป้าหมายสำคัญของกระทรวง 4 กลุ่ม คือ อุตสาหกรรมหนัก เกษตรและอาหาร ปิโตรเคมี และอัญมณีเครื่องประดับ
รวมทั้งต้องการรับทราบด้วยตนเองถึงปัญหาอุปสรรคที่ผู้ส่งออกพบ เพื่อจะได้หาทางร่วมกันแก้ไขให้ได้โดยเร็วต่อไป โดยเป้าหมายใหญ่คือ ให้การส่งออกไทยขยายตัวตามที่ตั้งเป้าไว้ให้ได้มากที่สุดภายในปลายปี 2558
สำหรับบริษัทที่ได้พบในวันนี้ ประกอบด้วย โตโยต้า บีเอ็มดับเบิลยู และมิตซูบิชิอิเล็กทริคส์(เครื่องปรับอากาศ) และจะทยอยพบกับมิตซูบิชิมอเตอร์ส, บริษัทโรห์ม (ROHM) ผู้ส่งออกแผงวงจรไฟฟ้า, บริษัท เวสเทิร์นดิจิตัล, บริษัท HGST ซึ่งเป็นสองบริษัทส่งออกฮาร์ทดิสก์ไดรฟ์ และบริษัท ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มสินค้าเป้าหมายทั้งไทยและต่างชาติกำลังอยู่ระหว่างการนัดหมาย
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การหารือในวันนี้เน้นเรื่องเป้าหมายในการส่งออกของกระทรวงและเอกชน แนวทางการเดินไปให้ถึงเป้าหมาย และสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ทำได้โดยเร็วเพื่อสนับสนุนการส่งออกในระยะสั้นและระยะยาว เช่น การสนับสนุนการขยายไปตลาดใหม่โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(สคร.)หรือแก้ไขประเด็นอุปสรรคทางการค้าและการลงทุน
โดยทั้งสามบริษัทแสดงความมั่นใจว่าช่วงครึ่งปีหลังนี้จะส่งออกได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เช่น โตโยต้าที่เพิ่งเปลี่ยนรุ่นรถกระบะคาดว่าจะส่งออกได้อีกอย่างน้อย 230,000 คันภายในสิ้นปี หรือบีเอ๊มดับเบิลยูที่คาดว่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ของตนจะเพิ่มได้ 250% สำหรับบริษัทมิตซูบิชิอิเล็กทริกส์ที่ได้ลดประมาณการส่งออกลงมาที่ 3% จากเป้าหมาย 11% ที่ตั้งไว้เมื่อต้นปี ก็จะปรับเพิ่มเป้าขึ้นมาเพราะการส่งออกไปสหภาพยุโรปได้เพิ่มขึ้นอย่างมากเพราะเกิดอากาศร้อน เป็นต้น
ส่วนประเด็นต่างๆ ที่หารือกัน เช่น ปัจจัยทางเศรษฐกิจจากภายนอก อัตราแลกเปลี่ยน สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน การเจรจา FTA กับประเทศต่างๆ เรื่อง GSP สหรัฐฯ และสหภาพฯ การลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบทั้งในไทยและในประเทศคู่ค้า เรื่องแรงงานและค่าแรง เป็นต้น ซึ่งตนเองได้เสนอให้มีการตั้งคณะทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อรวบรวมประเด็นปัญหาและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างรวดเร็ว หากเป็นเรื่องที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากระดับนโยบายในรัฐบาลก็จะให้อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศรวบรวมเรื่องและเสนอให้คณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณาตัดสินใจโดยเร็วต่อไป เพื่อให้การส่งออกเดินหน้าไปได้
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า หลังจากช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้แล้ว กระทรวงฯ จะมีอีกงานใหญ่ในประเทศไทยคือ การจัดงานเซาธ์เทิร์น เอ็กซ์โป (Southern Expo) ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่ 23-28 ก.ค.ซึ่งจะมีผู้นำเข้าและผู้ค้าจากอินเดียและอาเซียนมาร่วมงานด้วยจำนวนมาก โดยสินค้าหลักคือ ยางและผลิตภัณฑ์ยางและสินค้าอื่นๆ
จากนั้นจะเริ่มดำเนินการของ Action Plan ในต่างประเทศคือ การพบกับผู้แทนรัฐบาลและผู้นำเข้าของประเทศต่างๆ ที่เป็นตลาดใหญ่หรือตลาดที่มีศักยภาพ โดยประเทศแรกคืออาฟริกาใต้ ซึ่งสินค้าเป้าหมายหลักคือข้าว อาหาร และคณะบางส่วนเดินทางต่อไปโมซัมบิกเพื่อดูเรื่องวัตถุดิบอัญมณีด้วย กำหนดเดินทางวันที่ 25-29 ก.ค.