นายกฯ เผยต่างชาติยังมองไทยน่าลงทุน แนะเพิ่มศักยภาพ รักษาระดับการเติบโตของศก.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 16, 2015 14:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวในงานสัมมนา Thailand Competitiveness Conference 2015 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยติดกับดักเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันที่ทุกภาคส่วนยังไม่มีความเข้มแข็ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งโดยเฉพาะภาคการเกษตร ด้านสาธารณสุข ด้านการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศ

และจากการสอบถามภาคเอกชนพบว่า ในปี 2558-2559 ยังคงมีนักลงทุนจากต่างประเทศมากกว่า 70% ที่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ถึงแม้ค่าแรงจะสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แต่ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่จึงอยากจะเข้ามาลงทุน และฝากให้ทุกคนนำเรื่องนี้ไปคิดเป็นการบ้าน เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งยั่งยืนในอนาคต ถึงแม้จะมีทรัพยากรธรรมชาติที่จำกัดแต่ต้องมาบริหารกันอย่างรอบด้าน และขอให้มีการขึ้นทะเบียนแรงงานที่มีความสามารถพูดภาษาอื่นได้ และเตรียมพัฒนาคนเพื่อเตรียมเข้าสู่ AEC

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องการเห็นประเทศเดินหน้า แต่บางครั้งต้องประสบปัญหาด้านการเมือง ขาดความมีเสถียรภาพ การเบิกจ่ายงบประมาณมีปัญหา

"วันนี้มีบางคนกำลังจ้องทำลายประเทศ โดยอ้างกฎหมายเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งไทยไม่เคยที่จะดำเนินการในแบบนี้ เพราะตลอดชีวิตก็เป็นทหารประชาธิปไตยคนหนึ่ง ผมไม่สามารถทนเห็นประเทศเป็นแบบนี้ได้ พอเข้ามาแล้วก็ทิ้งไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยติดกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางมาตั้งแต่ปี 2530 จึงทำให้ฐานเศรษฐกิจของประเทศสูงกว่าประเทศในกลุ่ม CLMV ซึ่งอยากให้ประชาชนเข้าใจว่า เมื่อเศรษฐกิจโตกว่าประเทศเพื่อนบ้านจำเป็นต้องรักษาระดับไว้ และต้องเพิ่มศักยภาพให้สามารถแข่งขันได้ด้วยการพัฒนาด้านนวัตกรรม

ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจขณะนี้ ทุกประเทศประสบปัญหาเดียวกัน ซึ่งเป็นผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้บางประเทศต้องมีการปรับประมาณการณ์การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งในส่วนรัฐบาลก็จะเตรียมการและวางแผนการทำงานด้านเศรษฐกิจต่อไป โดยมี 3 ปัจจัยหลักที่รัฐบาลจะดำเนินการคือ 1.รัฐบาลจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้กับเอกชน 2.ต้องมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้วยการพัฒนาคนซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดโดยเฉพาะการศึกษา และ 3.มีกลไกติดตามผลด้วยการกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศในการเดินหน้าประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้เอกชนทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนมาร่วมพัฒนาในเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะและเขตเศรษฐกิจพิเศษภายใน โดยรัฐบาลพร้อมให้สิทธิพิเศษด้านภาษี และอำนวยความสะดวกให้ ส่วนด้านการวิจัยและพัฒนา รัฐพร้อมจะร่วมลงทุนกับภาคเอกชน เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยง และให้ความเชื่อมั่นกับภาคเอกชนว่ารัฐบาลกำลังกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกด้านทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ส่วนการจัดเก็บภาษีรัฐบาลยังยืนยันภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 ซึ่งทำให้รายได้ประเทศน้อยลงและส่งผลต่อด้านการสาธารณสุข แต่ก็ต้องมีการแก้ไขต่อไป ส่วนหน่วยงานที่ทำงานไม่ได้ตรงตามเป้าก็ควรจะหยุดทิ้งทั้งหมด ขณะเดียวกันขอให้ทางเอกชนมีความเชื่อใจและมั่นใจรัฐบาลไม่ใช่แค่ตัวนายกรัฐมนตรีแต่ก็ต้องเชื่อใจรัฐมนตรีด้วย และต้องเชื่อข้อมูลต่างๆอย่างมีเหตุผล

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะด้านการคมนาคม ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการในหลายเส้นทาง เช่น การสร้างทางรถไฟ ความเร็วปานกลางกับประเทศจีน ซึ่งผลประโยชน์จะต้องแบ่งปันกัน และจีนก็พร้อมที่จะเชื่อมทางรถไฟมายังไทยซึ่งในปลายปีนี้เชื่อมั่นว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้แน่นอน ขณะเดียวกันขออย่าให้มีการโก่งราคาที่ดินในย่านที่จะสร้างรถไฟด้วย

ส่วนรถไฟความเร็วสูงไทยจะต้องมีการศึกษาร่วมกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเกิดแน่นอนเพราะมีการศึกษาร่วมกับญี่ปุ่นไว้แล้ว เดินหน้าก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 3 สาย และรัฐบาลพร้อมเดินหน้าในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา พัฒนาท่าเรือยอร์ชเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และเดินหน้าให้เกิดอุตสาหกรรมซ่อมอากาศยานให้ได้ และเร่งซ่อมเทอร์มินอล 2 ของสนามบินดอนเมือง

นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความเป็นห่วงกรณีการขยายข่าวที่สร้างความขัดแย้งในประเทศไทย ซึ่งต่างประเทศสามารถรับรู้ได้จากการติดตามข่าว อยากให้เอกชนเข้ามาช่วยสร้างความเชื่อใจ ลดความหวาดระแวง และและสร้างผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน ขอให้ทุกคนช่วยกันสร้างความคุ้มกันในด้านเศรษฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ