พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ในฐานะประธานการประชุม กล่าวว่า ที่ประชุม กบง.ได้พิจารณาโครงสร้างราคาก๊าซ LPG เดือนพ.ย.58 โดยสถานการณ์ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลก (CP) อยู่ที่ 411 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 49 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ส่งผลให้ราคา ณ โรงกลั่น ซึ่งเป็นราคาซื้อตั้งต้นของก๊าซ LPG (LPG Pool) โดยใช้ต้นทุนจากแหล่งผลิตและแหล่งจัดหาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ปรับเพิ่มขึ้น 0.6957 บาท/กก.จาก 15.1054 บาท/กก. เป็น 15.8011 บาท/กก.
ดังนั้น เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ที่ประชุมฯ จึงเห็นควรใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตรึงราคาขายปลีกก๊าซ LPG คงเดิม ที่ 22.29 บาท/กก. โดยปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ 0.6130 บาท/กก. จากเดิมที่เก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ 0.0827 บาท/กก.โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.58 เป็นต้นไป ทั้งนี้ จากการปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว ทำให้กองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของก๊าซ LPG มีรายจ่าย 305 ล้านบาท/เดือน
สำหรับการปรับปรุงวิธีการคำนวณและกำหนดราคาเอทานอล ที่ประชุมฯ เห็นชอบให้ใช้ราคาเอทานอลอ้างอิง จากการเปรียบเทียบราคาต่ำสุด ระหว่างราคาเอทานอลที่ผู้ผลิตรายงานต่อกรมสรรพสามิตกับราคาเอทานอลที่ผู้ค้ามาตรา 7 รายงานต่อ สนพ. โดยมอบหมายให้ สนพ.รับไปดำเนินการ ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน ธ.ค.58 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณามาตรการส่วนลดราคาก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะ โดยมีมติเห็นชอบให้โครงการบัตรเครดิตพลังงาน NGV สิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.58 ตามระยะเวลาเดิม และขยายเวลามาตรการการให้ส่วนลดราคาก๊าซ NGV ออกไป 1 ปี(ตั้งแต่ 1 ม.ค.59-31 ธ.ค.59) สำหรับรถโดยสารสาธารณะในเขตกทม./ปริมณฑล (รถแท็กซี่/รถตุ๊กตุ๊ก/รถตู้ ร่วม ขสมก.)และต่างจังหวัด (รถโดยสาร/รถมินิบัส/รถสองแถว ร่วม ขสมก. และรถโดยสาร/รถตู้ ร่วม บขส. และรถแท็กซี่) โดยให้ใช้บัตรส่วนลดราคาก๊าซ NGV ชำระค่าก๊าซฯ เป็นเงินสดเท่านั้น ทั้งนี้ ให้ใช้คุณสมบัติของผู้สมัครและหลักเกณฑ์การสมัครตามเดิม