มธ.จับมือผู้ผลิตจากญี่ปุ่น-BCP เปิดทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าหวังต่อยอดเชิงพาณิชย์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 11, 2016 12:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร (SIIT) ได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท FOMM Corporation ประเทศญี่ปุ่น และ บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) จัดทำโครงการทดสอบรถยนต์ส่วนบุคคลพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมในเชิงองค์ความรู้เพื่อต่อยอดไปสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์ต่อไปในอนาคต

โครงการวิจัยรถยนต์ส่วนบุคคลพลังงานไฟฟ้า เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลขนาดเล็ก 4 ที่นั่งซึ่งออกแบบตัวถังให้กันน้ำสามารถวิ่งได้ในสภาพน้ำท่วมขัง ตลอดจนสะดวกต่อการถอดเปลี่ยนและชาร์จได้ด้วยไฟบ้านทั่วไป เพื่อเป็นกรณีศึกษาในการวิจัยต่อยอดและพัฒนาทดสอบสมรรถนะ พร้อมวิเคราะห์ความต้องการของตลาดสำหรับการออกแบบการผลิต ภายใต้โครงการเครือข่ายศูนย์ส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาของภาคเอกชนในประเทศไทย สาขาสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ที่มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้มีศักยภาพเชิงนวัตกรรมมากยิ่งขึ้น สอดรับกับนโยบายของภาครัฐในการเสริมแกร่งอุตสาหกรรมหลักของไทยให้สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับประเทศอย่างก้าวกระโดด พร้อมรองรับความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็น “ฮับ" การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำแห่งอาเซียน

ด้านนายสมนึก ตั้งเติมสิริกุล ผู้อำนวยการ SIIT กล่าวว่า การดำเนินเครือข่ายความร่วมมือดังกล่าว ทาง FOMM Corporation บริษัทผู้บุกเบิกผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากประเทศญี่ปุ่น ได้ส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต้นแบบจำนวนหนึ่งคันเพื่อใช้ในโครงการความร่วมมือทดสอบสมรรถนะและการใช้งานภายใต้สภาพแวดล้อมของไทยซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการเครือข่ายฯ ในการพัฒนางานวิจัย และบุคคลากรร่วมกับภาคเอกชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยนักศึกษา นักวิจัย และคณาจารย์ของสถาบันฯ จะได้ร่วมทดสอบสมรรถนะภายในมหาวิทยาลัย ทำการศึกษาวิจัยและวิเคราะห์ความต้องการของตลาด ตลอดจนประเมินแนวทางการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ที่สูงขึ้น เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน ผ่านการปรับโครงสร้างให้มีพื้นฐานที่เหมาะสม อาทิ การบริการสถานที่ชาร์จแบตเตอรี ระยะทางที่เหมาะสมในการจัดวางสถานี พฤติกรรมการขับขี่ที่ประหยัดพลังงานและปลอดภัย ระบบติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่กับยานยนต์ และระบบอำนวยความสะดวกต่อผู้ขับขี่

ขณะที่นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด BCP กล่าวว่า บางจากฯ มีสถานีบริการน้ำมันกระจายอยู่กว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ จึงมีความพร้อมที่จะจัดเตรียมให้สถานีบริการน้ำมันบางจากเป็นจุดให้บริการชาร์จไฟและถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ รวมทั้งเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงขนาดย่อม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ความร่วมมือครั้งนี้จะนำพาประเทศไทยสู่นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและอนาคตที่ดีของคนไทย

­Mr. Hideo Tsurumaki ประธานกรรมการบริหาร บริษัท FOMM Corporation กล่าวว่า จุดเด่นของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ได้พัฒนาปรับปรุงขึ้นมาเป็นรุ่นที่สามแล้ว โดยเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขนาด 4 ที่นั่ง ที่เล็กที่สุดคันแรกของโลก (เปิดตัวเมื่อเดือน ก.พ.57) มีการออกแบบตัวถังรถให้กันน้ำ (Bath Tub Design) และมีขอบล้อที่มีลักษณะเป็นใบพัด ทำให้สามารถลอยตัวและขับเคลื่อนได้ในน้ำ แบตเตอรี่ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักได้ถูกออกแบบให้เป็นรูปแบบของคาสเซ็ท (Cassette) ทำให้สะดวกต่อการถอดเปลี่ยนและชาร์จได้ด้วยไฟบ้านทั่วไป ภายในติดตั้งด้วยระบบทำความเย็นกำลังสูงและประหยัดพลังงาน และมีระบบส่งกำลังแบบเฉพาะโดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนภายในล้อ (In-Wheel Motor Design)

ทั้งนี้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าถือเป็นกลุ่มสินค้านวัตกรรมอนาคตไกลที่มีโอกาสในการเติบโตสูงจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าตลาดโลกจะมีความต้องการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าประมาณ 541,000 คัน ในปี พ.ศ.2562 (จากความต้องการประมาณ 40,000 คัน ในปี พ.ศ.2554) สำหรับประเทศไทยที่มีความพร้อมทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับแนวหน้าของอาเซียน อันสะท้อนผ่านโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern seaboard) นั้นถือได้ว่ามีศักยภาพทั้งในด้านบุคลากรและแหล่งวัตถุดิบที่จะสามารถต่อยอดประเทศไทยไปสู่การเป็น “ฮับ" ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำแห่งอาเซียนได้ อย่างไรก็ตาม รถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้นยังเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องใช้เวลาในการศึกษาและพัฒนา โดยความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยนำมาซึ่งองค์ความรู้ที่ทันสมัย ตลอดจนช่วยยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในเชิงนวัตกรรม อันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมแกร่งอุตสาหกรรมหลักของไทยให้สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับประเทศอย่างก้าวกระโดด สอดคล้องกับนโยบายที่ภาครัฐกำลังขับเคลื่อนอยู่ในปัจจุบัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ