(เพิ่มเติม) กฟภ.เล็งใช้งบ 4 พันลบ.พัฒนาระบบไฟฟ้ารองรับตั้งเขตศก.พิเศษระยะ 2 ในเชียงราย-นราธิวาส-นครพนม-กาญจนบุรี

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 16, 2016 15:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แถลงข่าวเนื่องในโอกาสวันสถาปนากฟภ.ครบรอบ 56 ปี ภายใต้นโยบายการบริหารและพัฒนากฟภ. สู่การเป็นการไฟฟ้าแห่งอนาคตว่า แผนงานโครงการที่จะดำเนินการในระยะต่อไป เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ ได้แก่ โครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ระยะที่ 2 เขตพัฒนาเศรษฐกิจ จำนวน 4 พื้นที่ ได้แก่ จ.เชียงราย จ.นราธิวาส จ.นครพนม และจ.กาญจนบุรี ใช้งบประมาณรวม 4,000 ล้านบาท โดยคณะกรรมการกฟภ.เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ระหว่างขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โครงการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ดำเนินโครการในวงเงินลงทุน 1,069 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี ช่วงปี 58-60

โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้บ้านเรือนราษฎรรายใหม่ จำนวน 29,000 ครัวเรือน ระหว่างเดือนต.ค.58-ก.ย.59 ใช้งบประมาณรวม 1,000 ล้าบาท โดยได้ขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้บ้านเรือนราษฎรรายใหม่แล้วจำนวน 32,336 ครัวเรือน หรือ 111.50% ของเป้าหมายโครงการ สำหรับโครงการสว่างไสวทั่วไทยจ่ายไฟทุกครัวเรือน ได้ขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าไปแล้ว จำนวน 31,923 คัวเรือน หรือ 91.21% ของเป้าหมายทั้งโครงการ

การจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าของกฟภ. ในปี 59 โดยดำเนินการรื้อถอนสายสื่อสารที่ไม่ใช้งานและรวบมัดสาย ในปี 59 ระยะทางรวม 1,000 กิโลเมตรควบคู่กับการติดตั้งรางพาดสายสื่อสารใต้คานนั่งร้านหม้อแปลงเส้นทางวิกฤติ ในแหล่งชุมชนเมือง 74 จังหวัดวงเงินงบประมาณ 11.10 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังดำเนินการอำนวยความสะดวกและรวดเร็วในงานบริการให้กับประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า โดยการจัดตั้งบริการลูกค้าครอบคลุมทุกภาคส่วนให้ได้รับความสะดวกและรวดเร็ว เปิดให้บริการ PEA Shop ในห้างสรรพสินค้าจำนวน 82 แห่ง ได้ปรับปรุงรถยนต์ให้เป็นรถบริการเคลื่อนที่ PEA Mobile Shop บริการตามชุมชนต่าง ๆ จำนวน 50 คัน มีการพัฒนาระบบงานบริการขอใช้ไฟฟ้าแบบ One Touch Service ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงพัฒนาศุนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า (1129 PEA Call Center) เข้าสู่ระยะที่ 3 โดยพัมนาเพิ่มประสิทธิภาพจากเดิม 60 คู่สาย เป็น 90 คู่สาย มีการเพิ่มภาษาอาเซียน เช่น ภาษาเมียนมา กัมพูชา และมลายู อีกทั้งได้เพิ่มช่องทาง Social Media ต่าง ๆ ด้วย

ปัจจุบัน กฟภ.มีพื้นที่การให้บริการ 74 จังหวัด สำนักงานให้บริการรวมกว่า 900 แห่งทั่วประเทศ จำนวนสถานีไฟฟ้า 540 แห่ง ระบบจำหน่ายไฟฟ้าแรงสูงประมาณ 300,000 วงจร-กิโลเมตร รองรับลูกค้าประมาณ 18.44 ล้านราย ซึ่งมีความต้องการใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุดรวม 20,438.91 เมกะวัตต์ โดยผลประกอบการในช่วง 7 เดือนแรกของปี 59 มีกำไรสุทธิ 15,000 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าจะมีกำไรสุทธิรวมตลอดทั้งปี 59 ประมาณ 20,400 ล้านบาท

ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไม่เกิน 500 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนรวม 6,000 ล้านบาท ตามที่ครม. มีมติอนุมัติ นายเสริมสกุล กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ร่วมลงทุนกับเอกชน เพื่อลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว 35 เมกะวัตต์

นอกจากนี้พีอีเอ เอ็นคอมฯ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนอีกหลายโครงการทั้งในและต่างประเทศ แต่ในช่วงแรกจะเน้นการขยายการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา ลาว และกัมพูชา ทั้งในส่วนของการร่วมทุนโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์และการวางระบบสายส่งไฟฟ้า ขณะที่การลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศ พิจารณาไว้หลายโครงการ อาทิ โซลาร์เซลล์ ลม ชีวมวล และก๊าซชีวภาพ ขยะ ล่าสุดอยู่ระหว่างขออนุมัติ ครม. เพื่อเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ที่จ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งต้องรอพ.ร.บ.รักษาความสะอาด ของกระทรวงมหาดไทยให้มีความชัดเจนก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ