(เพิ่มเติม) ธ.โลก คาด GDP ไทยปีนี้โต 3.1% การบริโภคยังหนุน,มองการเมือง-ศก.จีนเป็นความเสี่ยง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 5, 2016 10:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารโลก เปิดตัวรายงานวิเคราะห์เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกฉบับล่าสุด คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ในปี 59 ของไทยน่าจะเติบโตได้ราว 3.1% ดีขึ้นจากเดิมที่ประเมินไว้ว่าจะเติบโตได้ 2.5% โดยเชื่อว่าการบริโภคยังมีส่วนช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป แม้จะยังอยู่ในระดับปานกลาง

"การที่เราปรับ GDP ในปีนี้เป็น 3.1% ดีขึ้นจากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ 2.5% เหตุผลหลักมาจากไตรมาส 1 และ 2 เศรษฐกิจไทยเติบโตค่อนข้างดีจากภาคการท่องเที่ยวและมาตรการการคลังที่เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ" นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย กล่าว

ขณะที่การลงทุนจากภาคเอกชนและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจะยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากอุปสงค์ภายนอกลดลงและความไม่แน่นอนทางการเมือง ดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ในปีต่อไปเนื่องจากการนำเข้าฟื้นตัว และยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจจีนที่ขาดเสถียรภาพทางการเงิน นำมาซึ่งบรรษัทที่มีหนี้สินสูงอาจจะผิดนัดชำระหนี้และส่งผลกระทบกับไทยในเรื่องการค้าและช่องทางการไหลเวียนของเงินทุน เนื่องจากไทยส่งออกสินค้าไปจีนถึง 12% จากยอดการส่งออกทั้งหมด และเงินลงทุนจากจีน คิดเป็น 8%ของเงินทุนไหลเข้าจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

ส่วนยอดขายรถยนต์และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 นั้นคาดว่าจะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักยังคงเป็นมาตรการกระตุ้นด้านการคลัง ซึ่งคาดว่าจะชะลอตัวในช่วงครึ่งปีหลังเช่นกัน เนื่องจากความท้าทายในการดำเนินงานตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ การดำเนินโครงการก่อสร้างพื้นฐานของรัฐตามที่ได้วางแผนไว้ (รถไฟรางคู่และการปรับปรุงระบบราง) ในปี 59 และปี 60 นั้นจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนและช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มสดใสมากขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารโลกประเมินว่าปีนี้การส่งออกของไทยเมื่อรวมกับภาคบริการแล้วจะเติบโตได้ 0.4% ขณะที่การนำเข้าหดตัว -0.5% อัตราเงินเฟ้อที่ 0.5% หนี้สาธารณะอยู่ที่ 46.3% ต่อ GDP

ธนาคารโลกยังมองถึงความท้าทายต่อเศรษฐกิจไทย โดยระบุว่า ประเด็นเศรษฐกิจจีนที่ขาดเสถียรภาพด้านการเงินที่อาจนำมาซึ่งบรรษัทที่มีหนี้สินสูงอาจจะต้องผิดนัดชำระหนี้และส่งผลกระทบกับไทยในเรื่องการค้าและช่องทางการไหลเวียนของเงินทุน เนื่องจากไทยส่งออกสินค้าไปจีนคิดเป็นสัดส่วนถึง 12% จากยอดการส่งออกทั้งหมด และเงินทุนจากจีนคิดเป็น 8% ของเงินทุนไหลเข้าจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี การส่งออกของไทยมีความหลากหลายในเรื่องสินค้าและตลาดเป็นอย่างดี นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมกันชนเพื่อรับมือด้านการเงินและการคลังไว้แล้วอย่างดี อีกทั้งอัตราแลกเปลี่ยนยังมีความยืดหยุ่นสามารถเป็นกันชนจากความผันผวนของปัจจัยภายนอกประเทศได้

ส่วนความเสี่ยงอีกประการ คือเรื่องเสถียรภาพการเมือง หากประชาชนไม่พอใจกับการเดินหน้าปฏิรูปการเมืองหรือเลื่อนการปฏิรูปออกไป ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวความไม่แน่นอนทางการเมืองจะทำให้การใช้จ่ายภาครัฐถูกเลื่อนออกไปและส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน

อย่างไรก็ดี ผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญและการที่รัฐบาลได้ยืนยันอย่างหนักแน่นที่จะจัดการเลือกตั้งในปี 60 ได้ช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องนี้ลงไปได้ โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 60 จะเติบโตได้ 3.1% ใกล้เคียงกับปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ