(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.30 แนวโน้มแข็งค่า มองกรอบ 35.25-35.32 รอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 23, 2017 11:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 35.30 บาท/ดอลลาร์ ยังแข็งค่าต่อ เนื่องจากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 35.40/42 บาท/ดอลลาร์

"เงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งวีคนี้ยังไม่มีปัจจัยอะไรต้องติดตาม โดยคาดว่าตลาดน่าจะรอดูตัวเลขการจ้าง งานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในสัปดาห์หน้า" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทจะอยู่ระหว่าง 35.25 - 35.32 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.2917 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (20 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.37779% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (20 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.56553%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.60 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 115.10/15 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0740 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 1.0645/0650 ดอลลาร์/ยูโร
โร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.3330 บาท/
ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (23-27 ม.ค.) ที่ 35.20-35.50 บาทต่อ
ดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของนักลงทุนน่าจะอยู่ที่การปรับตัวของตลาดในช่วงต้นสัปดาห์รับการแถลงนโยบายของทรัมป์ ขณะที่ตัวเลข
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (ขั้นต้น) เดือนม.ค. ยอดขาย
บ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 4/2559
  • ธนาคาร ซี ไอเอ็มบี ไทย คาดว่า เงินบาทในสัปดาห์นี้ (23-27 ม.ค.) จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.20-
35.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยดอลลาร์สหรัฐฯยังมีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับบาทรวมทั้งสกุลเงินอื่นๆส่วนใหญ่จากแนวโน้มการ
ขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
  • นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้จะหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)
เพื่อเร่งสรุปมาตรการลดหย่อนภาษี 2 เท่า เพื่อกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน จะได้เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายใน
เดือน ม.ค.นี้ โดยคลังต้องการออกมาตรการนี้ให้เร็ว เพื่อให้เอกชนมีเวลาเตรียมตัวและลงทุนเพื่อให้เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้
เร็วที่สุด
  • รายงานข่าวจากธนาคารพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าถึงการเปิดให้บริการระบบพร้อมเพย์อย่างเป็นทางการว่า
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา ธนาคาร พาณิชย์ทั้งระบบ จะเริ่มเชื่อมโยงข้อมูลบัญชีเข้าสู่ระบบพร้อมเพย์ หลังจากก่อนหน้านี้ธนาคาร
พาณิชย์ขนาดใหญ่ได้นำร่องเชื่อมต่อข้อมูลกันแล้ว เพื่อทดลองดูว่าการทำงานของระบบติดขัดอะไรหรือไม่ หากไม่พบปัญหา และระบบ
เชื่อมต่อไปได้ด้วยดี คาดว่าจะกดปุ่มเปิดให้บริการได้อย่างเป็นทางการวันที่ 27 ม.ค. นี้
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
(ทูตพาณิชย์) ในวันที่ 20 ก.พ.ที่จะถึงนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกของไทยในประเทศต่างๆ ว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร จะ
ต้องปรับแผนงานเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อให้การส่งออกขยายตัวตามเป้าหมายที่ 3%
  • สกุลเงินดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยนในช่วงเช้านี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมุมมองที่มีต่อทิศทางสกุล
เงินดอลลาร์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ซึ่งดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมุม
มองของนายทรัมป์ที่มีต่อทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยนายทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะวอลล์ สตรีท เจอร์นัลเมื่อไม่นาน
มานี้ว่า "เงินดอลลาร์แข็งค่ามากเกินไป" อันเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทสัญชาติอเมริกันไม่สามารถแข่งขันกับจีนได้
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์(20 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมุมมองที่มีต่อทิศทางสกุลเงินดอลลาร์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45
  • นายจิม โรเจอร์ส เซียนนักลงทุนระดับแนวหน้าของโลก ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดหุ้นภาย
ใต้ยุคของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า ถึงแม้ผู้คนจะเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ต่างๆจากวิสัยทัศน์ของผู้นำสหรัฐคนใหม่ แต่ก็มีความเป็นไปได้
สูงว่า นโยบายของนายทรัมป์อาจนำมาซึ่งสงครามทางการค้าในท้ายที่สุด
  • คณะบริหารชุดใหม่ของสหรัฐภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ประกาศว่า สหรัฐจะถอนตัว
ออกจากข้อตกลงการค้าเสรีหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (TPP) พร้อมขู่ถอนตัวจากข้อตกลงนาฟต้า หากแคนาดาและ
เม็กซิโกไม่ยอมเจรจาข้อตกลงใหม่กับสหรัฐ
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดเม็ดเงิน 1.19 ล้านล้านหยวน (ราว 1.70 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อรักษา
สภาพคล่องในตลาดก่อนจะถึงเทศกาลตรุษจีน นับเป็นการอัดฉีดเงินรายสัปดาห์ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้เปิดเผยรายงานสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic

Situation and Prospects หรือ WESP) ประจำปี 2560 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยระบุว่า เอเชียตะวันออกและเอเชียใต้

จะขึ้นแท่นเป็นภูมิภาคหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวจากยุคเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (Great

Recession) ในปี 2552


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ