ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.28/30 แนวโน้มยังแข็งค่าจากแรงขายดอลล์หลังนลท.ผิดหวังการแถลงนโยบาย"ทรัมป์"

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 23, 2017 17:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นวันนี้ที่ระดับ 35.28/30 บาท/ดอลลาร์ จาก ตอนเช้าที่เปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 35.30 บาท/ดอลลาร์

"ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 35.26-35.31 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังนายโนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พูดเกี่ยวกับอนาคตของอเมริกา แต่ไม่ได้มีเนื้อหาสาระอะไร ดอลลาร์ถูกเทขายลงมาหลังจาก วันศุกร์ปิดแถวๆ 35.39-35.40 ทำ Low 35.26 High 35.31" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทจะอยู่ระหว่าง 35.20 - 35.40 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.55 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 113.60 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0734 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.0740 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,570.79 จุด เพิ่มขึ้น 7.80 จุด, +0.50% มูลค่าการซื้อขาย 44,710.25 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 254.88 ลบ.(SET+MAI)
  • นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามถอนตัวออก
จากการเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) นั้นไม่มีผลกระทบต่อไทย เพราะไทยยังไม่ได้เข้า
ร่วมเป็นสมาชิก TPP

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไทยต้องเร่งดำเนินการหลังจากนี้ คือ การผลักดันให้การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจในภูมิภาค (RCEP) ระหว่างอาเซียนและประเทศคู่เจรจา 6 ประเทศ ประกอบด้วย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ให้ได้ข้อสรุปภายในปี 60

  • นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Doing
Business) โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ตัวแทนธนาคารโลก (World Bank) ได้ชี้แจงถึงจุด
ที่ไทยต้องปรับปรุงเพื่อให้การจัดอันดับการทำธุรกิจของไทยดีขึ้น และทันต่อการประเมินการจัดอันดับรอบใหม่ในเดือน พ.ค.เชื่อว่าใน
ปี 2560 น่าจะทำให้คะแนนจากการประเมินดีขึ้นในการประเมินรอบใหม่ช่วงเดือน พ.ค.นี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 46
  • บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า มุมมองของราคาทองคำในช่วงนี้ไปถึงเทศกาลตรุษ
จีน ประเมินกรอบราคาแนวรับในช่วง 1,180-1,165 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 19,700-19,400 บาทต่อบาททองคำ
และประเมินกรอบราคาแนวต้านในช่วง 1,233-1,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 20,600-20,900 บาทต่อบาททองคำ
โดยคาดว่าราคาทองคำจะได้รับปัจจัยหนุนจากจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำพิธีสาบานตนเข้ารับ
ตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา โดยสุนทรพจน์ของนายทรัมป์ได้ยืนยันจุดยืนที่จะปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯและ
ย้ำชัดว่า "อเมริกาต้องมาก่อน" ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจุดยืนดังกล่าวจะส่งผลต่อการตัดสินใจด้านการค้า ภาษี ประเด็นคนเข้าเมือง
และกิจการต่างประเทศในทิศทางใดและจะกระทบต่อการค้าโลกและความสัมพันธ์ของสหรัฐกับนานาประเทศอย่างไรบ้าง ซึ่งความวิตก
กังวลดังกล่าวเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คาดว่าแนวโน้มการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทในปีนี้ จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อ
เนื่องจากปี 59 โดยอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3% จึงคาดว่าในปีนี้จะมีการจดทะเบียนจัดตั้ง
ห้างหุ้นส่วนบริษัทประมาณ 66,000 ราย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐให้ผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดามาจดทะเบียนเป็น
นิติบุคคลมากขึ้นจากการได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีสรรพากร ประกอบกับมาตรการของภาครัฐในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใน
ประเทศ รวมทั้งการขยายตัวภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
  • ธนาคารทหารไทย (TMB) ประเมินว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 60 จะเติบโตที่ระดับ
3.5% ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนของภาครัฐและรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญ ขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนยังฟื้น
ตัวได้ต่ำกว่าศักยภาพ ขณะที่คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 2% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.4% โดยเป็นผลมาจาก
การปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น คาดว่าคณะกรรมการกำหนด
นโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมที่ 1.50% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน
ประเทศ
  • กระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน รอบที่ 2 ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
พิจารณาแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม โดยหลักการเบื้องต้นนั้นเห็นว่าภาคเอกชนที่ได้
ลงทุนไปเมื่อปีที่ผ่านมา ควรจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นกว่าภาคเอกชนที่จะมีการลงทุนในปีนี้
  • รัฐบาลจีนได้ออกมาเรียกร้องรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ให้เคารพต่อหลักการ "จีนเดียว" ซึ่งเป็น
นโยบายต่างประเทศของจีนที่ระบุว่า ไต้หวันถือเป็นส่วนหนึ่งของจีน
  • รัฐบาลญี่ปุ่นคงระดับการประเมินภาวะเศรษฐกิจในเดือนม.ค. โดยระบุว่าเศรษฐกิจของประเทศยังคงฟื้นตัวแบบ
ปานกลาง หลังจากที่ได้ปรับเพิ่มการประเมินเป็นครั้งแรกในรอบ 21 เดือน เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากการบริโภคของภาค
เอกชนและการส่งออกปรับตัวดีขึ้น
  • นักลงทุนรอดูการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต บริการ และดัชนีรวมเดือนม.ค.ของฝรั่งเศส

เยอรมนี และยูโรโซน ในวันพรุ่งนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ