ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.22 แข็งค่าต่อเนื่องจากเย็นวานนี้ มองกรอบวันนี้ 33.20-33.30

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 11, 2017 09:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 33.22 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าต่อเนื่อง จากเย็นวานนี้ที่ปิด 33.27 บาท/ดอลลาร์

"เงินบาทเช้านี้ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องจากเย็นวานนี้ เป็นไปตามค่าเงินยูโรหลังตัวเลขการส่งออกของเยอรมนีออกมาดี เกินคาด ประกอบกับยังมีแรงซื้อดอลลาร์อย่างต่อเนื่องในตลาดโลก" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-33.30 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 112.41 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 112.30 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1815 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.1801 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.3390 บาท/
ดอลลาร์
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ประชาชนกล้าเสี่ยงที่จะไปลง
ทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ เงินสกุลดิจิทัล ตราสารหนี้ และตั๋วสัญญาใช้เงินที่ไม่ได้รับ
การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการเก็งกำไร ซึ่ง ธปท.มีการติดตามมาโดยตลอด และได้รับข้อร้องเรียน
จากประชาชนเป็นระยะโดยเฉพาะการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัลเช่นวันคอยน์ บิตคอยน์
  • รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 61 กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรม
ศุลกากร ซึ่งเป็น 3 กรมจัดเก็บรายได้หลักของประเทศได้ตั้งเป้าหมายการเก็บภาษีรวมกันทั้งสิ้น 2.61 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4
แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 60 ที่ตั้งเป้าหมาย 2.47 ล้านล้านบาท โดยการตั้งเป้าหมายเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นนี้เพื่อให้สอดรับ
กับงบประมาณรายจ่ายของประเทศที่เพิ่มขึ้นในทุกปี และยังเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวอีกด้วย โดยกรอบเป้าหมายการ
เก็บภาษีจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.60-30 ก.ย.61
  • ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้คณะกรรมการร่วมภาค
เอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) จาก 3.5-4% เป็น 3.7-4% และคาดว่าสินเชื่อทั้งระบบ
ธนาคารพาณิชย์จะขยายตัวได้ถึง 4% จากที่คาดไว้ 3%
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบข้อเสนอการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบ
วงจร (Doing Business Portal) เพื่อเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการจัดตั้งธุรกิจในประเทศไทย และการอำนวยความ
สะดวกให้แก่ประชาชนที่รับบริการจากภาครัฐ
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนได้กล่าวแสดงความเห็นว่า จีนควรเดินหน้านโยบายเศรษฐกิจแบบเปิดต่อไป รวมทั้งปฏิรูป
ระบบอัตราแลกเปลี่ยน และผ่อนคลายการควบคุมบัญชีทุน
  • นางซาบิน เลาเทนชเลเกอร์ รองประธานคณะกรรมการกำกับดูแลของ ECB กล่าวว่า ECB ควรลดวงเงินในการซื้อ
พันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ตั้งแต่ปีหน้า พร้อมกับมีเป้าหมายในการยุติการซื้อพันธบัตรในปีหน้าเช่นกัน
  • สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) หลังเจ้าหน้าที่
ระดับสูงของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมากล่าวสนับสนุนให้ ECB ลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิง
ปริมาณ (QE) ตั้งแต่ปีหน้า ส่วนดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ขณะนักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.
ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) โดยภาวะการซื้อขายใน
ตลาดทองคำยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งช่วยหนุนสัญญาทองคำปิดตลาดในแบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3
  • นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 19-20 ก.ย.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งมี
กำหนดเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผู้ที่มีแนวโน้ม
จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ แทนนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน โดยมีการคาดการณ์ว่า นายเควิน
วอร์ช อดีตผู้ว่าการเฟดสายเหยี่ยว ซึ่งสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจได้รับเลือกให้เป็นประธานเฟดคนใหม่
  • ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภค
เบื้องต้นเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) โดยได้ปรับเพิ่ม

คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ และปีหน้า ขณะที่ระบุถึงการขยายตัวในวงกว้างในสหรัฐ ยุโรป จีน และญี่ปุ่น รวมทั้ง

ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ