(เพิ่มเติม) พาณิชย์ เผยส่งออก ก.ย.60 ขยายตัว 12.2% นำเข้าโต 9.73% เกินดุล 3,358 ล้านดอลล์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 19, 2017 13:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ก.ย.60 โดยการส่งออกมีมูลค่า 21,812 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 12.2% จากตลาดคาดโต 10.8% ขณะที่การนำเข้า ก.ย.60 มีมูลค่า 18,454 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 9.73% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 3,358 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนของปี 60 (ม.ค.-ก.ย.) การส่งออกมีมูลค่า 175,435 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 9.3%, นำเข้ามีมูลค่า 163,203 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 14.8% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 12,231 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือน ก.ย.60 ที่ขยายตัวได้ 12.2% คิดเป็นมูลค่า 21,812 ล้านดอลลาร์นั้น ถือว่าเป็นการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยการส่งออกสามารถขยายตัวได้ดีในทุกตลาดสำคัญ โดยเฉพาะตลาด CLMV (กัมพูชา,ลาว, เมียนมา และเวียดนาม) จีน และญี่ปุ่น

ในขณะที่การส่งออกรายสินค้ามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 สำหรับสินค้าที่ขยายตัวได้ดีทั้งในแง่ของปริมาณและราคา ได้แก่ ยางพารา, น้ำตาลทราย, ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ส่วนกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยสินค้าที่ขยายตัวในระดับสูง ได้แก่ ทองคำ, ผลิตภัณฑ์ยาง, น้ำมันสำเร็จรูป, คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ, รถยนต์ และอุปกรณ์สื่อสาร เป็นต้น

ในขณะที่การนำเข้าเดือน ก.ย.60 ขยายตัวได้ดีเช่นกันที่ 9.7% คิดเป็นมูลค่า 18,454 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการนำเข้าที่ยังเติบโตได้ดีนี้ จะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทยในปีต่อไป ทั้งนี้แนวโน้มการนำเข้าในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังเป็นการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าการส่งออกของไทยในปีหน้าจะยังมีพื้นฐานที่ดี เพราะผู้ผลิตมีการเตรียมนำเข้าทั้งสินค้าทุนและวัตถุดิบมาใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก

สำหรับแนวโน้มการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ รมว.พาณิชย์ คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก สะท้อนจากตัวเลขปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ นำโดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งจากตลาดแรงงาน เศรษฐกิจจีนที่เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการส่งออก นอกจากนี้การฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่เริ่มอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพจากการปรับตัวเข้าสู่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานน้ำมัน ซึ่งส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าสำคัญ เช่น น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เหล็ก น้ำตาลทราย และผลิตภัณฑ์ยางพารา

ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้แต่ละเดือนน่าจะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 19,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็เชื่อมั่นว่าโดยภาพรวมการส่งออกของไทยในปีนี้จะขยายตัวได้มากกว่า 8% อย่างแน่นอน

“ถ้าช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังส่งออกได้ในระดับ 19,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน ก็คาดว่าทั้งปีการส่งออกของไทยจะได้ไม่ต่ำกว่า 8% หรือประมาณ 8.5% เนื่องจากเราเชื่อว่าสถานการณ์การค้าในช่วงปลายปีจะดีขึ้น ประกอบกับกิจกรรมด้านการส่งออกหลายอย่างที่เราเร่งทำในช่วงปลายปี" รมว.พาณิชย์กล่าว

ด้าน น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าอยู่ในระดับ 33 บาท/ดอลลาร์ เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้แล้ว เนื่องจากผู้ส่งออกได้มีการ Quote ราคาสินค้าไว้ล่วงหน้า อย่างไรก็ดี การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงเดือนธ.ค.นี้ ก็จะช่วยลดแรงกดดันค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐลงได้ เนื่องจากที่ผ่านมาเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นเพราะมีกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามา ประกอบกับดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยยังอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญด้วย เช่น ความไม่แน่นอนของนโยบายทางการค้าของประเทศคู่ค้าหลัก และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียด

“คงต้องติดตามการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในเดือนธ.ค.60 ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้น เพราะตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐปรับตัวดีขึ้น หากเฟดขึ้นดอกเบี้ย เงินบาทก็มีโอกาสจะอ่อนค่าลง เพราะเงินดอลลาร์จะไหลเข้าประเทศ ก็คงต้องดูผลกระทบต่อไป และผู้ส่งออกก็ควรจะทำประกันความเสี่ยงไว้ด้วย" ผู้อำนวยการ สนค.ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ