ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดสินเชื่อปีนี้โต 4% แม้ 10 เดือนโตเพียง 1.86% มอง 2 เดือนสุดท้ายเร่งตัวขึ้นในกลุ่มส่งออก-รายย่อย

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 24, 2017 10:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปข้อมูลสินเชื่อ เงินฝาก และสภาพคล่อง ของธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ณ สิ้นเดือนต.ค.60 จากเอกสารรายการย่อแสดงสินทรัพย์และหนี้สิน (ธ.พ.1.1) พบว่า ภาพรวมสินเชื่อสุทธิเดือน ต.ค.2560 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7.3 หมื่นล้านบาท เป็น 10.799 ล้านล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่ม 0.68% และเพิ่มจากระยะเดียวกันปีก่อน 2.63% โดยการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อในเดือนนี้ครึ่งหนึ่งเป็นผลจากการรับโอนสินเชื่อรายย่อยจากดีลระหว่างระหว่างธนาคารทิสโก้กับสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดไทย แต่หากไม่รวมผลของรายการพิเศษดังกล่าว ภาพรวมสินเชื่อสุทธิจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนประมาณ 3.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเบิกใช้สินเชื่อภาครัฐ

ส่วนสินเชื่อประเภทอื่นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย ทั้งสินเชื่อภาคธุรกิจ สินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อเอสเอ็มอี เนื่องจากสินเชื่อภาคธุรกิจของธนาคารขนาดใหญ่ยังมีสถานะเป็นการชำระคืนสุทธิ ส่วนสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นค่อนข้างช้า ซึ่งส่วนหนึ่งถูกกระทบจากมาตรการกำกับการให้สินเชื่อบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน

อย่างไรก็ดี แม้ภาพรวมสินเชื่อสุทธิหลังผ่าน 10 เดือนแรกของปีนี้จะมีอัตราเติบโตเพียง 1.86% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน จากสินเชื่อในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่ยังโตต่ำกว่าคาด แต่ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ คาดว่าอัตราการขยายตัวของสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นในทุกประเภทสินเชื่อ อันเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาลและแผนการเบิกใช้สินเชื่อปกติ อีกทั้งยังมีแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐช่วงท้ายปี และความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยที่มีสัญญาณการเติบโตดีขึ้นกว่าที่คาดไว้

ด้านของภาพรวมเงินฝาก พบว่าภาพรวมเงินฝากเดือน ต.ค.60 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนกว่า 1.8 แสนล้านบาท หรือ 1.58% เป็น 11.886 ล้านล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน และสิ้นปีก่อน 4.6% โดยเพิ่มขึ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่เป็นหลัก ในจำนวนนี้ประมาณครึ่งหนึ่งมาจากเงินฝากภาครัฐที่ไหลเข้ามาพักในช่วงต้นปีงบประมาณเพื่อรอการเบิกจ่ายและอีกกว่า 6 หมื่นล้านบาท จากเงินฝากประจำระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งไม่ได้เป็นผลจากการแข่งขัน/ออกแคมเปญเงินฝากพิเศษ

ส่วนภาพรวมสภาพคล่องของธนาคารในเดือน ต.ค.60 ผ่อนคลายลง เนื่องจากเงินฝากเพิ่มขึ้นในจำนวนที่สูงกว่าสินเชื่อ 2.5 เท่า ทำให้สัดส่วนเงินให้สินเชื่อรวมต่อเงินฝากรวมกับตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืม (LTD+Borrowing Ratio) ในเดือน ต.ค.60 ผ่อนคลายลงมาที่ 90.46% จากระดับ 91.23% ในเดือน ก.ย. สอดคล้องกับอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมที่ปรับขึ้นมาที่ 22.20% จากระดับ 21.52%ในเดือนก่อนหน้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า แม้ผ่าน 10 เดือนแรกของปีนี้ การขยายตัวของสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยจะเติบโต เพียง 1.86% จากสิ้นปีก่อน แต่ด้วยโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 3 ที่ดีกว่าที่คาด ด้วยแรงส่งของการส่งออกที่เติบโตสูงด้วยเลขสองหลัก ประกอบกับการเร่งรัดการลงทุนภาครัฐในช่วงต้นปีงบประมาณ 2561 ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ไว้ที่ 4% โดยคาดหมายว่าสินเชื่อภาคธุรกิจน่าจะกลับมาเบิกใช้วงเงินสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะในธุรกิจที่มีส่วนสัมพันธ์กับการส่งออก ขณะที่สินเชื่อรายย่อยจะมีแรงขับเคลื่อนทั้งจากสินเชื่อเช่าซื้อที่ทยอยกลับมาเป็นบวก ตามปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศที่สูงกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งสินเชื่อรายย่อยประเภทไม่มีหลักประกัน ที่แม้จะถูกกระทบจากเกณฑ์กำกับธุรกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา แต่ความต้องการใช้วงเงินสินเชื่อในช่วงท้ายปีที่อยู่ในระดับสูง จะช่วยชดเชยผลกระทบดังกล่าวลงได้บ้าง

ส่วนด้านเงินฝากไม่น่าจะเป็นประเด็นที่สร้างแรงกดดันต่อสภาพคล่องของธนาคาร แม้ว่าในช่วงไตรมาสสุดท้าย จะมีผลิตภัณฑ์การออมอื่นที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเข้ามาเป็นคู่แข่งก็ตาม โดยคาดว่าธนาคารพาณิชย์จะบริหารการเติบโตของเงินฝากให้อยู่ในระดับเพียงพอกับความต้องการสินเชื่อ ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประคองภาพรวมผลการดำเนินงานที่ดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ