(เพิ่มเติม) TICON คาดรายได้ปี 55 โตเท่าตัวมาที่กว่า 5 พันลบ.จาก 2 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 17, 2012 14:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON) คาดว่ารายได้ในปี 55 จะเติบโตเป็นเท่าตัวมาที่ 5 พันล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ราว 2 พันล้านบาท โดยบริษัทมีเป้าหมายจะเพิ่มพื้นที่โรงงานให้เช่าปีนี้ 2.5 แสนตารางเมตร จาก 2.3 แสนตารางเมตรในปี 54 พร้อมทั้งมีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเป็น 4.2-4.3 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีการขายเพียง 950 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทมีที่ดินที่รอการพัฒนาอยู่อีกมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกที่มีกว่า 1 พันไร่ รวมถึงที่ดินใน จ.อยุธยา และปทุมธานีที่ถูกน้ำท่วมในปีก่อน ซึ่งขณะนี้รอดูนโยบายภาครัฐในการบริหารจัดการน้ำ ก่อนจะลงมือพัฒนาที่ดินดังกล่าว

นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ TICON กล่าวว่า บริษัทจะเพิ่มพื้นที่เช่าในปีนี้เนื่องจากลูกค้าใหม่เข้ามาเช่าพื้นที่จากบริษัทเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากญี่ปุ่น และหลังจากน้ำท่วมแล้วลูกค้ารายใหญ่อย่างเวสเทิร์น ดิจิตอล ก็ยังเช่าพื้นที่เพิ่มในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินอีก 2 โรง สัญญาเช่าระยะยาว 3 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี

ขณะที่ลูกค้าที่ย้ายออกจากพื้นที่เช่าในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค สวนอุตสาหกรมโรจนะ และนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ที่ถูกน้ำท่วมหนัก มีสัดส่วนแค่ 10% ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในซัพพลายเชนและเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก

ส่วนพื้นที่ภาคตะวันออกขณะที่มีการพัฒนาไปแล้วในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ซึ่งขณะนี้อัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% บริษัทยังมีที่ดินเปล่าในภาคตะวันออกอีกกว่า 1 พันไร่รอการพัฒนา โดยจะพิจารณาความต้องการของตลาดและนโยบายภาครัฐช่วงปลายปีนี้ก่อน แม้ว่าบริเวณดังกล่าวจะไม่โดนน้ำท่วมเมื่อปีก่อน แต่หากมีการย้ายโรงงานมาฝั่งนี้เป็นจำนวนมากก็อาจจะเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำขึ้นได้

ขณะที่ที่ดินเปล่าในภาคกลางที่รอการพัฒนาทั้งในอยุธยาและปทุมธานี ก็ต้องชะลอออกไปก่อนเพื่อรอดูความชัดเจนของนโยบายบริการจัดการน้ำภาครัฐเช่นกัน

"ถ้าสร้างเขื่อนสูงแล้วแต่ถ้าน้ำมาเยอะกว่านั้นก็ท่วมอยู่ดี ก็ต้องรอดูนโยบายรัฐบาลเป็นหลัก ที่รัฐบาลชี้แจงแผนบริหารจัดการน้ำทางทีวีก็ยังไม่ชัดเจน"นายวีรพันธ์ กล่าว

นายวีรพันธ์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะขายสินทรัพย์ที่เป็นโรงงานให้เช่าเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์รวม 4.2-4.3 พันล้านบาท แบ่งเป็นขายสินทรัพย์เข้ากองทุน TFUND 2,200 ล้านบาท และขายสินทรัพย์ที่เป็นคลังสินค้าเข้ากองทุน TLOGIS อีกราว 2,000 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ