"เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป"คาดขาย IPO 700 ล้านหุ้น,เข้า SET ปลายปี 57-ต้นปี 58

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 23, 2014 11:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมบูรณ์ วงศ์รัศมี กรรมการผู้จัดการ บมจ. เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้าส่งและค้าปลีก รวมทั้งบริหารพื้นที่ค้าส่งและค้าปลีกให้เช่าเพื่อการพาณิชย์และธุรกิจโรงแรม เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมในการเตรียมตัวเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) และยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของ ก.ล.ต.

บริษัทได้แต่งตั้ง บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย ทั้งนี้มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจำนวน 700 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ สำหรับวัตถุประสงค์ของการระดมทุนเพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปและเข้าทำการซื้อขายได้ภายในปลายปี 57 ถึงต้นปี 58

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 2,800 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 2,800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท มีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 2,100 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 2,100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มเป็น 2,800 ล้านบาท โดยมีกลุ่มครอบครัวโชติจุฬางกูรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ถือหุ้นสัดส่วนรวมทั้งสิ้นร้อยละ 77.82 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว และลดลงเป็นร้อยละ 58.36 ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2557 เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป มีธุรกิจศูนย์แฟชั่นค้าส่งที่เปิดดำเนินการแล้วจำนวน 1 แห่ง คือโครงการศูนย์แฟชั่นค้าส่ง เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมอลล์ และธุรกิจโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 1 แห่ง คือโรงแรม โนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ นอกจากนี้ บริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทย่อย 3 บริษัท โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ได้แก่ บริษัท เดอะ แพลทินัม มาร์เก็ต จำกัด , บริษัท เดอะ แพลทินัม พลาซ่า จำกัด, เดอะ แพลทินัม สมุย จำกัด และมีบริษัทร่วมจำนวน 1 บริษัท คือ บริษัท แบงคอก สกายไลน์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 49.90

ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)กล่าวว่า แพลทินัม เป็นศูนย์ค้าส่งสินค้าแฟชั่นที่ครบวงจรและเป็นที่รู้จักของกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง และมีโรงแรมภายใต้การบริหารของกลุ่ม Accor คือ โนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัมโดยที่ผ่านมา ได้มีการปรับโครงสร้างของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อช่วยให้บริษัทฯสามารถเข้าถึงแหล่งทุนที่มีต้นทุนต่ำลงเพื่อใช้ระดมทุนในการขยายโครงการในอนาคต ทั้งโรงแรมและศูนย์การค้าปลีก

สำหรับโครงการในอนาคตที่จะพัฒนาเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการ เดอะ มาร์เก็ต บาย แพลทินัม ซึ่งจะดำเนินการผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท เดอะ แพลทินัม มาร์เก็ต จำกัด นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงแรม ได้แก่ โรงแรม Holiday Inn Express โรงแรมระดับ 3 ดาว และโรงแรม Holiday Inn Resort โรงแรมระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่บนที่ดินเปล่าริมหาดที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจะดำเนินการผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท เดอะ แพลทินัม สมุย จำกัด และจะสามารถเริ่มเปิดดำเนินการได้ในช่วงปลายปี 2560 และ 2561 ตามลำดับ คาดว่าโครงการในอนาคตดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 8,200 ล้านบาท (7,000 ล้านบาท สำหรับโครงการ เดอะ มาร์เก็ต บาย แพลทินัม และ 1,200 บาท สำหรับโครงการโรงแรมทั้ง 2 แห่ง บนเกาะสมุย) โดยใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดบริษัทฯ และกู้เงินจากสถาบันการเงินรวมทั้งเงินที่จะระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชน ทั้งนี้ บริษัทฯได้มีการจัดโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสมซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่จะสนับสนุนภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่องไปในอนาคต

ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/57 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 307.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.8 ล้านบาท หรือ 8.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 282.7 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของรายได้ธุรกิจพื้นที่เช่า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่มีความมั่นคง โครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัทประกอบด้วยรายได้ค่าเช่าและบริการ 206.3 ล้านบาท รายได้จากการประกอบกิจการโรงแรม 40.2 ล้านบาท รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่ม 47.2 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 13.8 ล้านบาท

ขณะที่กำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 163.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.9 ล้านบาท หรือ 18% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งเท่ากับ 138.6 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 80.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.1 ล้านบาท หรือ 44.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งเท่ากับ 55.8 ล้านบาท การเติบโตของกำไรสุทธิเป็นผลมาจากกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ประกอบกับ บริษัทฯ พยายามควบคุมค่าใช้จ่ายทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ