(เพิ่มเติม1) TSE ขายหุ้น IPO ใน พ.ย.เคาะราคากลาง ต.ค./เล็งร่วมทุนโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่น-ฟิลิปปินส์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 30, 2014 15:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่(TSE)คาดว่าจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)จำนวน 450 ล้านหุ้นภายในเดือน พ.ย.นี้ หลังจากกำหนดราคาเสนอขายได้ช่วงกลางเดือน ต.ค.57 ก่อนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai)

TSE ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่ภาครัฐตามนโยบายการสนับสนุนการผลิตและการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนของสำนักงานนโยบายและพลังงาน กระทรวงพลังงาน เพื่อจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) โดยมีวิสัยทัศน์มุ่งเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โดยเลือกใช้เทคโนโลยีและที่ตั้งทำเลที่เหมาะสมและให้ผลตอบแทนที่ดีและมั่นคงในระยะยาว

นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินธุรกิจในการเป็นผู้ให้บริการรับสร้างและจัดหาอุปกรณ์โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หลังภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนภาคเอกชนร่วมผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และขยายการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่นๆ เช่นพลังงานลม ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ ขยะ รวมถึงขยายการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ไปต่างประเทศในรูปแบบ Solar Farm และ Solar Rooftop เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย

ปัจจุบัน TSE มีทุนจดทะเบียน 1,815 ล้านบาท ซึ่งมีทุนที่ออกและชำระแล้ว จำนวน 1,365 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,365 ล้าน หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ในการขยายโครงการใหม่ๆ และชำระหนี้สถาบันทางการเงินบางส่วน ที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ

นางแคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TSE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ซึ่งถือเป็นยักษ์ใหญ่ในภาคธุรกิจชั้นนำของไทย เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารพาณิชย์ โดยยื่นเสนอขายไฟฟ้าจำนวนรวม 39 โครงการ กำลังการผลิต 39 เมกะวัตต์และได้รับการคัดเลือกและทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟน.และกฟภ.ทั้งสิ้น 14 โครงการ รวมกำลังการผลิตเสนอขาย 14 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โครงการที่ร่วมมือกับโฮมโปรจำนวน 11 โครงการ รวม 11 เมกะวัตต์ และเดอะมอลล์กรุ๊ป จำนวน 3 โครงการ รวม 3 เมกะวัตต์ ส่งผลให้บริษัทเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของไทย

สำหรับโครงการความร่วมมือครั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ บนหลังคาห้างโฮมโปร จำนวน 11 โครงการ รวม 11 เมกะวัตต์ กระจายทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยคัดเลือกจากทำเลที่ตั้งของโครงการที่คำนึงถึงศักยภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้า ความเข้มข้นรังสีแสงอาทิตย์ ระยะห่างจากถนนใหญ่และระยะห่างจากจุดเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าของ กฟน. และ กฟภ. เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าต่อการลงทุนและประสิทธิภาพต่อการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ดีที่สุด

ทั้งนี้ ในเฟสแรก บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในเดือนตุลาคมนี้จำนวน 5 โครงการ กำลังการผลิตรวม 5 เมกะวัตต์ ได้แก่โฮมโปร สาขาลพบุรี, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา โดยสาขาลพบุรีและชุมพร เป็น 2 โครงการแรกของบริษัทฯ ที่ผลิตไฟฟ้าที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารพาณิชย์สามารถเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)ได้แล้วเมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา

"ปัจจุบัน เราเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นพัฒนาพลังงานทดแทนเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าภายในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์จากโครงการ Commercial Solar Rooftop ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้"

นางแคทลีน กล่าวว่า ทั้ง 14 โครงการใช้งบลงทุน 735 ล้านบาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากธนาคารไทยพาณิชย์ โดยบริษัทจะรับรู้รายได้เข้ามาเติมปีในปี 58 ราวกว่า 100 ล้านบาท ตามการแบ่งรายได้แบบ revenue sharing กับพันธมิตรทั้ง 2 ราย ขณะที่บริษัทอยุ่ระหว่างการเตรียมสรุปแผนการลงทุนโซล่าฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ในช่วงปลายปี 57 นี้ โดยบริษัทจะร่วมลงทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นและถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 50%

สำหรับผลประกอบการในปี 56 มีรายได้ 607.05 ล้านบาท ขาดทุน 15.62 ล้านบาท และ 6 เดือนแรกของปี 57 บริษัทมีรายได้ 855.88 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 648.06 ล้านบาท

"บริษัทฯเรายังมีความสามารถในการขยายกำลังการผลิตได้ 100-300 เมกะวัตต์/ปี แต่บริษัทฯจะมีการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้ามากแค่ไหนนั้นต้องขึ้นอยู่กับนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐฯว่าจะออกมามากแค่ไหนด้วยเราจึงจะมีการขยายกำลังการผลิตได้"นางแคทลีน กล่าว

ด้านนายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ HMPRO กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ บริษัทฯ ได้นำสาขาโฮมโปรที่มีศักยภาพจำนวน 11 สาขา เข้าร่วมโครงการ และในอนาคตห้างโฮมโปร ยังมีแนวคิดขยายความร่วมมือกับพันธมิตรดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนไทย โดยจะคัดเลือกทำเลที่ตั้งของห้างโฮมโปรที่ปัจจุบันมีอยู่ 69 สาขา รวมถึงสาขาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่มีศักยภาพเหมาะต่อการพัฒนาไปสู่การดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารพาณิชย์ เพื่อร่วมกันผลักดันความสำเร็จให้มากยิ่งขึ้น

นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ SCB กล่าวว่า ธนาคารได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและประสบความสำเร็จในการผลักดันโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารพาณิชย์ให้แก่ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดของไทย โดยธนาคารได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในศักยภาพและความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีวิสัยทัศน์มุ่งเป็นผู้นำธุรกิจโรงไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ รองรับนโยบายของภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมภาคเอกชนลงทุนผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเพื่อป้อนความต้องการด้านพลังงานไฟฟ้าภายในประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ