KTAM แนะพักเงินกองตราสารหนี้KTSUPB127ยิลด์2.35%ช่วงศก.โลกฉุดหุ้นผันผวน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 22, 2014 11:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นทั้งในและต่างประเทศ มีความผันผวน และปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวในกลุ่มยูโรโซน โดยเฉพาะแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจเยอรมนี ที่นักลงทุนมีความกังวลว่า ภาวะเงินฝืดและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจะมีผลกระทบต่อเนื่องและนานกว่าที่คาดการณ์ รวมถึงสถานการณ์ในยูเครนและตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อมาหลายเดือน ล้วนเป็นเหตุให้เกิดแรงเทขายหุ้น เพื่อลดความเสี่ยงภายหลังตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในช่วงก่อนหน้า นักลงทุนเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนเข้าสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และทองคำ ในขณะที่ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเริ่มมีแรงขายดอลลาร์สหรัฐ จากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐอาจไม่เร็วอย่างที่คาด

ในโอกาสนี้ บลจ.จึงเปิดจำหน่วยกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 127 (KTSUPB 127) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2557 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศประเภท เงินฝาก Bank of China , เงินฝาก China Construction Bank ,MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A. และ MTN ออกโดย Banco ABC( Brasil)ในสัดส่วน 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนใน ตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน /บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.35% ต่อปี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการพักเงินไว้ในกองทุนที่มีโอกาสรับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้และบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี

สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ไทย มีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุ จากแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ตามความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอาจสกัดการขึ้นดอกเบี้ย โดยดอกเบี้ยนโยบายทั้งของไทยและสหรัฐน่าจะทรงตัวในระดับปัจจุบันไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนตราสารหนี้ต่างประเทศ อัตราผลตอบแทนมีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุเช่นกัน จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยตลาดวิตกกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB ที่อาจไม่ราบรื่นและอาจเผชิญเงินฝืด โดย S&P และ FITCH ได้ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศษลงสู่เชิงลบ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด ทั้งดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวมเขตนิวยอร์ก ความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงความเห็นสมาชิกเฟดบางรายที่ออกมาเตือนว่า การขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไปยังเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ