หุ้น AAV อยู่ที่ 4.66 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท(+3.56%) มูลค่าซื้อขาย 203.96 ล้านบาท (เมื่อ 10.54 น.)
หุ้น NOK อยู่ที่ 12.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท(+5.88%) มูลค่าซื้อขาย 78.30 ล้านบาท(เมื่อ 10.56 น.)
หุ้น BA อยู่ที่ 21.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท(+2.39%) มูลค่าซื้อขาย 181.05 ล้านบาท (เมื่อ 10.57 น.)
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่าธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากน้ำมันร่วงคือ กลุ่มสายการบิน-รับเหมาได้อานิสงส์ ในที่สุด OPEC ไม่ลดการผลิตโดยยังคงเพดานที่เพดาน 30 ล้านบาร์เรลหลังการเจรจาไม่เป็นผล ฉุดให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงเหลือต่ำกว่า US$73 ส่วนน้ำมัน WTI ทรุดต่ำกว่า US$70 ลดลง 35-37% จากจุดสูงสุดกลางเดือน มิ.ย.และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ทั้งจากการที่สหรัฐผลิตน้ำมันได้เพิ่มขึ้น และอุปสงค์ที่อ่อนแอจากเศรษฐกิจในยุโรปและจีนที่ชะลอ เชื่อว่าราคาน้ำมันจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไปอย่างน้อย 1-2 ปี ประเทศไทยได้รับประโยชน์มากที่สุดในอาเซียนเพราะพึ่งพาการนำเข้าสูงที่สุด โดนแนะนำหุ้น AAV ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท
ด้านบล.ทรีนีตี้ ระบุว่า การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบนี้ทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน(Jet fuel)ในตลาดโลกปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดเช่นกัน มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มสายการบินทั้ง บมจ.การบินไทย (THAI), บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ,บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK),บมจ.การบินกรุงเทพ (BA)
โดย THAI, AAV มีความน่าสนใจมากที่สุดเนื่องจากมี Positive EPS revision momentum ในรอบ 1 เดือนและ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนั้นคาดผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของทั้งสองบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จึงแนะเข้าลงทุน THAI และ AAV ตามปัจจัยดังกล่าว