กองทุนจะจัดสรรหน่วยลงทุนเสนอขายให้กับผู้ลงทุนในประเทศรวม 3,300 ล้นหน่วย ซึ่งจะเป็นผู้จองซื้อทั่วไป 806.85 ล้านหน่วย ผู้จองซื้อพิเศษ 660 ล้านหน่วย และผู้สนับสนุน 1,833.15 ล้านหน่วย ส่วนที่เหลือ 2,200 ล้านหน่วยจะเสนอขายต่อผู้ซื้อทหน่วนยลงทุนเบื้องต้นในต่างประเทศ
ทั้งนี้ นักลงทุนทั่วไปจะต้องชำระค่าจองซื้อครั้งเดียวเต็มจำนวนที่ 10.50 บาท/หน่วย ณ วันจองซื้อและจองขั้นต่ำ 2,000 หน่วย จากนั้นเพิ่มเป็นจำนวนทวีคูณของ 100 หน่วย โดยการจัดสรรหน่วยลงทุนให้ผู้จองซื้อด้วยวิธี Small-Lot First ผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับปีแรกอยู่ที่ประมาณ 8.6-9.0% แบ่งเป็นแงินปันผล 7.8-8.2% และการจ่ายลดทุน 0.8% อันเนื่องจากสภาพคล่องส่วนเกินที่เกิดจากค่าเช่ารับล่วงหน้า
นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล(JAS) กล่าวว่า กองทุน JASIF เป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตรายแรกของไทยที่เน้นลงทุนในทรัพย์สินบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตเป็นหลัก มูลค่ากองประมาณ 55,000-57,750 ล้านบาท
ทรัพย์สินที่กองทุนจะเข้าลงทุนเป็นครั้งแรก ได้แก่ กรรมสิทธิในเส้นใยแก้วนำแสง 980,000 คอร์กิโลเมตร ประกอบด้วย เส้นใยแก้วนำแสง จำนวนรวมไม่น้อยกว่า 800,000 คอร์กิโลเมตรที่ บมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (TTTBB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS จะส่งมอบให้ JASIF และใยแก้วนำแสงอีก 180,000 คอร์กิโลเมตร ที่ TTTBB จะส่งมอบให้ JASIF ภายใน 2 ปี
ทั้งนี้ กองทุนจะสามารถลงทุนในทรัพย์สินได้ประมาณกลางเดือน ก.พ.58
กองทุน JASIF มีจุดเด่นประกอบด้วย เส้นใยแก้วนำแสงที่กองทุนจะลงทุนมีอายุการใช้งานมาแล้วเฉลี่ยเพียงประมาณ 4 ปี และมีโครงข่ายครอบคลุม 77 ทั่วประเทศ, รายได้ค่าเช่าของกองทุนมีแนวโน้มเติบโต มีโอกาสจ่ายปันผลน่าสนใจแก่ผู้ลงทุน ซึ่งค่าเช่าจะปรับตามอัตราเงินเฟ้อ แต่ไม่เกิน 3% ต่อปี, อุตสาหกรรมบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มการเติบโต เพราะประเทศไทยยังมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตต่ำอยู่ในระดับ 24.6% เทียบกับของประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี และสิงคโปร์ ซึ่งมีการเข้าถึงในระดับ 70.3-99.6%
ขณะที่ TTTBB ในฐานะผู้เช่าหลักมีผลการดำเนินงานเติบโต และ JAS จะถือหน่วยลงทุนประมาณ 33.33% ของหน่วยลงทุนทั้งหมดในปีที่ 1-3 และจะถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 19% ในปีที่ 4-6
นางวรารัตน์ ชุติมิต กรรมการผู้จัดการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการจำหน่าย กล่าวว่า ตัวแทนที่ร่วมสนับสนุนการขายในครั้งนี้ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บล.บัวหลวง และ บล.เอเชียพลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์