GRAMMY คาดผลประกอบการปีนี้กลับมาสดใส หลังมีเงินทุนรุกตลาดทีวีดิจิตอล

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 3, 2015 16:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) คาดผลประกอบการปีนี้จะกลับมาสดใส หลังจากที่ขาดทุนสุทธิกว่า 2.3 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมา เนื่องจากเตรียมเงินทุนรองรับการขยายตัวของตลาดทีวีดิจิตอลมากถึง 6 พันล้านบาท

นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม GRAMMY กล่าวว่า ปีนี้สองธุรกิจหลักคือ ธุรกิจเพลงและทีวีดิจิตอลจะยังคงเดินหน้าอย่างเต็มที่ ด้วยความพร้อมทั้งบุคลากรและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนจำนวน 2,490 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินเป็นอย่างดี ส่งผลให้มีความสามารถในการลงทุนไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท สำหรับรุกตลาดทีวีดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ จึงมั่นใจว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการในปีนี้กลับมาสดใสอย่างแน่นอน

ส่วนในปีที่แล้ว GRAMMY มีผลขาดทุนสุทธิ 2,314 ล้านบาท และมีรายได้รวม 10,251 ล้านบาท โดยเป็นรายได้ของธุรกิจเพลง และธุรกิจทีวีดิจิตอล ซึ่งเพิ่งเริ่มดำเนินการในเดือนพ.ค.57 รวม 3,062 ล้านบาท คิดเป็น 30% และสัดส่วนรายได้ของธุรกิจอื่น ประกอบด้วย ธุรกิจสื่อ, ธุรกิจภาพยนตร์, ธุรกิจสร้างสรรค์ และบริหารงานกิจกรรมธุรกิจโฮม ช้อปปิ้ง และธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม จำนวน 7,189 ล้านบาท คิดเป็น 70%

โดยภาพรวมของธุรกิจเป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญของบริษัท โดยมุ่งเน้นที่ธุรกิจเพลงและธุรกิจทีวีดิจิตอลเป็นหลัก และได้ขายธุรกิจอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักออกไป ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับกลุ่มธุรกิจทีวีดิจิตอล ช่อง One และGMM25 ได้เริ่มรายการใหม่เฟสแรกในเดือนต.ค. เช่น ละครสงครามนางงาม ละครหลังข่าวเรื่อง ฝันเฟื่อง เสือ รายการซุปตาร์ปาร์ตี้ ทางช่อง ONE ได้รับกระแสตอบรับที่โดดเด่น ทำให้เรตติ้งพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด และมียอดโฆษณาเพิ่มขึ้น 80% ในแต่ละเดือน ในส่วน Magnet Content อย่าง ฮอร์โมน 2 คลับฟรายเดย์ เดอะ ซี่รี่ส์ และละครเพื่อนเฮี้ยนโรงเรียนหลอน ทางช่อง GMM25 ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเช่นเดียกัน

นอกจากนี้ทั้งสองช่องยังมีรายการ วาไรตี้ เกมโชว์ ละคร ซีรีส์ และรายการข่าวสาระ ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ชม ด้วยคอนเทนท์ที่มีคุณภาพ มีความหลากหลาย เต็มรูปแบบ จึงมั่นใจว่าทีวีดิจิตอลทั้งสองช่องจะประสบความสำเร็จและครองใจผู้ชมในเวลาอันรวดเร็ว

ส่วนของธุรกิจ โฮม ช้อปปิ้ง ภายใต้รายการ โอ ช้อปปิ้ง (O Shopping) ประสบความสำเร็จสูงสุดในธุรกิจประเภทเดียวกัน โดยมีผลประกอบการที่โดดเด่นและถึงจุดคุ้มทุนเร็วกว่าเป้าหมายที่วางไว้ถึงกว่า 2 ปี โดยมีสินค้าเสนอขายมากกว่า 600 รายการ ซึ่งสามารถสั่งซื้อและจัดส่งได้ทั่วประเทศ

ขณะที่ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ จีทีเอช "ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้" ยังได้สร้างสถิติภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศที่ทำรายได้สูงสุดในปี 57 และยังเป็นเจ้าของสถิติภาพยนตร์ที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดตลอดกาลของไทย กวาดรายได้ทั้งสิ้นกว่า 330 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ