(เพิ่มเติม) NWR รุกอสังหาฯเป้า 5 ปียอดขาย-รายได้กว่า 2 พันลบ./ปี,ปั้นเข้าตลท.ปี 63

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 23, 2015 15:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพลพัฒ กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) รุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เต็มสูบเปิดตัว 3 โครงการใหม่ปีนี้กว่า 2.3 พันล้านบาท บริษัทแบ่งแผนการพัฒนาโครงการออกเป็น 2 ระยะ ระยะแรกเป็นแผนงานภายในระยะเวลา 3 ปี มีแผนจะพัฒนาโครงการหลายรูปแบบ ประกอบด้วย บ้านจัดสรร ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ โครงการอาคารชุดพักอาศัย อาคารสำนักงาน ให้เช่า คลังสินค้า

ส่วนระยะที่สองเป็นแผนระยะยาว 3-5 ปี อาจจะมีการพัฒนาโครงการประเภทอื่นๆ เช่น โรงแรม และคอมมิวนิตี้มอลล์ ฯลฯ วางเป้าพัฒนาอีกปีละ 1-3 โครงการ มูลค่าโครงการละประมาณ 800 ล้านบาท เป็นแนวราบ 60% คอนโดฯ 30% พร้อมตั้งเป้าแผน 5 ปีมียอดขาย-รายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 2 พันล้านบาท จากปีนี้คาดยอดขาย 900 ล้านบาท เติบโตกว่า 10% และมีรายได้ 300 ล้านบาทจากโอนโครงการแรก

นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจใหม่และวางแผนกกลยุทธ์ NWR กล่าวว่า บริษัทเปิดตัวบริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด ซึ่งก่อตั้งมาเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท (ชำระเต็ม) โดยทาง NWR ถือหุ้นทั้ง 99.99% โดยจะมีรายได้หลักมาจากการพัฒนาอสังหาฯเพื่อขาย 80%, อาคารสำนักงานและคลังสินค้าให้เช่าไม่เกิน 20% ซึ่งรูปแบบหลักในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเป็นแนวราบ 60% อาคารสูง 30% และอื่นๆ 10%

บริษัทคาดว่าจะผลักดันให้บริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ราวปี 63 โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 10% ของยอดรายได้รวมของ NWR จากปี 57 อยู่ที่ราว 5% จากนั้นในอีก 5 ปีข้างหน้าสัดส่วนจะเพิ่มเป็น 20% อย่างไรก็ตาม ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างก็จะเติบโตไปพร้อมกัน

นายปสันน ในฐานะประธานกรรมการบริหาร บริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด กล่าวว่า ในปี 58 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการทั้งหมด 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2,300 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,600 ล้านบาท และแนวสูง 1 โครงการ มูลค่ารวม 700 ล้านบาท เน้นเจาะทำเลกรุงเทพฯรอบนอกเป็นหลัก และยังไม่มีแผนเปิดโครงการในต่างจังหวัด คาดว่าปีนี้จะมียอดขาย 900 ล้านบาท เติบโตไม่น้อยกว่า 10% และรายได้ราว 300 ล้านบาท เพราะจะเริ่มโอนโครงการแรก จากนั้น รายได้จะเพิ่มเป็น 650 ล้านบาทในปี 59 จากการทยอยรับรู้รายได้เพิ่มอีก 2 โครงการที่เหลือ และประมาณ 1,200 ล้านบาทในปีต่อไป

ด้านแผนระยะยาว 5 ปี บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายปีละไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท และรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

"สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ แบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรกภายในเวลา 3 ปีบริษัทฯมีแผนพัฒนาโครงการหลากหลายรูปแบบ ทั้งบ้านจัดสรร บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานให้เช่า และคลังสินค้า ส่วนระยะที่ 2 เป็นแผนระยะยาว 3-5 ปี ซึ่งอาจมีการพัฒนาโครงการประเภทอื่น เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ และคอมมูนิตี้มอลล์ ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าในการพัฒนาโครงการอย่างน้อยปีละ 1-3 โครงการ มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาทต่อโครงการ" นายปสันน กล่าว

นายอภิชาติ รักช้าง กรรมการผู้จัดการ บริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด กล่าวว่า โครงการของบริษัทจะอยู่ภายใต้ชื่อ"บารานี"เป็นโครงการนำร่อง โดยจะเปิดตัวโครงการบารานีพาร์ค ร่มเกล้า บ้านเดี่ยวสไตล์ Courtyard จำนวน 86 หลัง บนพื้นที่โครงการ 22 ไร่ มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ภายใต้แนวคิดการออกแบบที่จะทำให้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ราคาเริ่มต้น 8.89 ล้านบาท โดยจะมีการจัดงาน Grand Opening วันที่ 28 และ 29 มี.ค.นี้ ซึ่งมีโปรโมชั่นพิเศษช่วงเปิดโครงการ ได้แก่ ติดแอร์ทุกห้องนอน กระจกทาวเวอร์ทุกห้องน้ำ ตกแต่งสวน สัญญาณกันขโมย ชุดครัว และเครื่องใช้ไฟฟ้า และส่วนลดพิเศษ 500,000 บาท

บริษัทมีแผนจะใช้งบซื้อที่ดินปีละ 200-900 ล้านบาท เพื่อรองรับการเปิดโครงการใหม่ปีละ 1-3 โครงการ จากปัจจุบันมีที่ดินอยู่แล้วคือที่ถนนบางนาตราด กม. 4 พื้นที่ราว 15 ไร่ มีแผนจะทำเป็นอาคารสำนักงาน ห้างค้าปลีกด้านหน้า ส่วนด้านหลังมีแผนสร้างคลังสินค้าให้เช่า มูลค่าก่อสร้างไม่รวมที่ดิน 600 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างออกแบบ คาดเริ่มก่อสร้างปลายปี 58 ใช้ระยะเวลา 18 เดือน เฟสแรกเป็นสำนักงานให้เช่าสูง 7 ชั้น ขนาดพื้นที่ 10,000 ตร.ม.และจะทำคอมมูนิตี้มอลล์เล็กๆ ส่วนเฟสถัดไปเป็การสร้างคลังสินค้า

นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินแถวบางนาตราดอีก 1 แปลงราว 15 ไร่ มีแผนจะโครงการคอนโดมิเนียม และยังมีที่ดินที่รังสิต คลอง 3 อีก 1 แปลง เพื่อทำเป็นบ้านเดี่ยว

*คาดปีนี้รายได้รวมโต 10-15%

นายปสันน กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าภาพรวมรายได้ในปีนี้เติบโตราว 10-15% จากปีก่อนที่ 7,892 ล้านบาท แต่หากรัฐบาลเปิดประมูลงานด้านโยธามากขึ้นและดำเนินการได้เร็วขึ้นก็มีโอกาสที่ยอดรับรู้รายได้จะมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้

ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ(Backlog)แล้วกว่า 1. 4 หมื่นล้านบาท คาดรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ราว 40-50% และน่าจะได้รับงานใหม่เพิ่มอีกราว 8,000-10,000 ล้านบาท หากได้รับงานที่จะยื่นประมูลโครงการสร้างถนนของภาครัฐในปีนี้ที่คาดว่าจะเปิดประมูลออกมาราว 90,000 ล้านบาท และจะเปิดประมูลต่อเนื่องอีก 2 ปีถัดไป ปีละ 90,000 ล้านบาท บริษัทคาดว่าจะได้รับงานตามสัดส่วน

นอกจากนั้น ยังไม่รวมโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์กรุงเทพ-โคราช, พัทยา-ระยอง และบางใหญ่-บ้านโป่งที่จะเปิดประมูลในปีนี้ อีกทั้งยังมีงานรถไฟฟ้าและโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ

ส่วนกำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรกว่า 9 ล้านบาท นอกจากจะเติบโตตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทยังอาจมีการบันทึกกำไรจากรายการพิเศษเพิ่ม คือค่าชดเชยจากโครงการคลองด่านทั้เป็นเงินต้น 300 ล้านบาท แต่หากรวมดอกเบี้ยก็เป็น 600 ล้านบาท

"ปีนี้ถ้างานประมูลของราชการออกมาเยอะดำเนินการได้มากและเร็วขึ้น รายได้ปีนี้ที่คาดว่าจะโต 10-15% ก็เป็นระดับที่เป็นไปได้สูงมาก โดย Backlog กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ที่มีอยู่จะรับรู้รายได้ปีนี้ราว 40-50% ที่เหลือเป็นปีถัดไป นอกจากนี้ ยังมีงานประมูลใหม่ที่คาดว่าจะได้เพิ่มอีก เช่น งานประมูลมอเตอร์เวย์พัทยา-ระยอง ,กรุงเทพ-โคราช และบางใหญ่-บ้านโป่ง โดยเป็นลักษณะการร่วมลงทุน และเฉพาะงานกรมทางหลวงที่จะเปิดประมูลในระยะ 3 ปีนี้ อีกปีละ 90,000 ล้านบาท ซึ่งเราก็มีความพร้อมอยู่แล้วและคาดว่าจะได้งานตามสัดส่วน"นายปสันน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ