RML ปัดร่วมทุน IFEC แม้รับสนใจเชียงใหม่, เล็งซื้อที่ดิน-พัฒนา 2 โครงการใหม่มูลค่า 8 พัน-1 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 10, 2016 12:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจอห์นสัน ตัน กรรมการผู้อำนวยการและกรรมการบริหาร บมจ.ไรมอน แลนด์ (RML) เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่มีแผนและยังไม่ได้เจรจาที่จะร่วมทุนกับ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) ในการร่วมทุนเพื่อพัฒนาที่ดินส่วนต่อขยายภายในโรงแรมดาราเทวี จังหวัดเชียงใหม่ ตามกระแสข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้าที่

แต่ยอมรับว่าบริษัทสนใจและกำลังมองหาที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อลงทุนและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทที่จะพัฒนาโครงการในจังหวัดท่องเที่ยวและพื้นที่โซน CBD ในกรุงเทพฯ

“เรื่องการร่วมทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯในดาราเทวีกับ IFEC ตามข่าวที่ออกมานั้น ณ ตอนนี้เรายังไม่มีแผนและก็ไม่ได้มีการเจรจากับทาง IFEC เลย แต่ถามว่าเราสนใจจังหวัดเชียงใหม่ไหม เราก็สนใจที่จะเข้าไปลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่เหมือนกัน ตามแผนเราก็มองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการในทำเล Resort Market และ Bangkok CBD"นายจอห์นสัน กล่าว

ด้านนายวิท สุธีรชาติกุล นักลงทุนสัมพันธ์ RML กล่าวว่า บริษัทตั้งงบซื้อที่ดิน 3 พันล้านบาทจากกระแสเงินสดและเงินกู้ โดยบริษัทอยู่ระหว่างการมองหาซื้อที่ดินจำนวน 2 แปลงทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่และภูเก็ต เพื่อนำมาพัฒนา 2 โครงการใหม่ในปีนี้ มูลค่าโครงการรวม 8,000-10,000 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท ซึ่งมีกำหนดจะทยอยโอนในปีนี้จำนวน 5 พันล้านบาท และเป็นเป้าหมายรายได้ของบริษัทในปีนี้ โดยใกล้เคียงกับรายได้ในปี 58 ที่ทำได้ราว 5 พันล้านบาท ส่วน Backlog ในส่วนที่เหลืออีก 1.9 พันล้านบาทจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปี 60

สำหรับยอดขายของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 2.5-3 พันล้านบาท โดยไตรมาส 1/59 ทำยอดขายได้แล้ว 750 ล้านบาท มาจาก 7 โครงการ ได้แก่ โครงการเดอะลอฟท์ เอกมัย, โครงการเดอะลอฟท์ อโศก, โครงการเดอะรีเวอร์, โครงการ 185 ราชดำริ, โครงการเดอะไซร์ วงศ์อมาตย์, โครงการยูนิกซ์ พัทยาใต้ และโครงการมิวส์ เย็นอากาศ ขณะที่บริษัทมียูนิตที่เหลือขายในมือราว 7.37 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถทยอยขายได้อย่างต่อเนื่องและส่งผลให้ยอดขายในปีนี้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเปิดขายโครงการเดอะ ลอฟท์ อโศก มูลค่าโครงการ 3.14 พันล้านบาทอย่างเป็นทางการในวันที่ 14-15 พ.ค. 59 ราคาขายเฉลี่ยยังอยู่ที่ 190,000-250,000 ต่อตารางเมตร แต่หลังจากจบงานไปแล้วจะปรับราคาขายขึ้น 3-5% โดยจุดเด่นของโครงการดังกล่าวอยู่ที่จำนวนยูนิตที่น้อยกว่าโครงการที่อยู่ในย่านอโศกด้วยกัน ซึ่งโครงการนี้มีจำนวนห้องเพียง 211 ยูนิต อีกทั้งยังมีจุดเด่นเรื่องการดีไซน์ที่ทันสมัยและแตกต่าง

นายวิท กล่าวว่า บริษัทมองแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบน (Luxury) ยังมีทิศทางที่ดีอย่างเนื่องจาก เพราะลูกค้าระดับบนมีกำลังซื้อสูงไม่ค่อยได้รับผลกระทบจจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากนัก ประกอบกับ ปัจจุบันมีลูกค้าจากต่างชาติเข้ามาซื้อโครงการมากขึ้น โดยสัดส่วนลูกค้าต่างชาติปัจจุบันเพิ่มเป็น 50% จากปีก่อนอยู่ที่ 40%

นอกจากนี้ยอดขายของโครงการระดับบนเติบโตมากกว่าโครงการระดับกลางถึงล่าง เห็นได้จากโครงการเดอะ ลอฟท์ ทั้ง 2 โครงการ ที่ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยโครงการเดอะ ลอฟท์ เอกมัย มียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 80% ในปัจจุบัน และโครงการเดอะ ลอฟท์ อโศก เดิมบริษัทตั้งเป้ายอดขายก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการไว้ที่ 40% แต่ปัจจุบันได้รับผลตอบรับจากลูกค้าดีเกินคาด ซึ่งทำได้เดือบ 50% และตั้งเป้าภายใน 2 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 80%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ