นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นอินเดียมีความน่าสนใจมากขึ้นท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก จากลักษณะเศรษฐกิจอินเดียที่เน้นการเติบโตจากการบริโภคภายในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจอินเดียมีศักยภาพในการต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่าประเทศเอเชียรายอื่นที่เน้นพึ่งพาการส่งออก ล่าสุด เศรษฐกิจอินเดียในไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 60 (เม.ย.-มิ.ย.) ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ 7.1% จากแรงหนุนของการบริโภคภายใน ถือเป็นอัตราที่สูงจนแซงหน้าการเติบโตของจีนไปเรียบร้อยแล้ว จึงมองว่าตลาดหุ้นอินเดียเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจเหมาะแก่การลงทุนในขณะนี้
“กำไรของบริษัทจดทะเบียนมีศักยภาพในการเติบโตสูง ขณะที่การปฏิรูปเศรษฐกิจนำโดยนายกรัฐมนตรี Narendra Modi ยังคงเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ ภาวะความเสี่ยงเดียวที่ยังคงมีอยู่คือ ราคาน้ำมันที่อาจปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งก็พบว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำ นับเป็นอีกตลาดที่มีความแข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโต เหมาะแก่การกระจายความเสี่ยง" นายสาห์รัช กล่าว
และเพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นอินเดีย ล่าสุด บลจ. ทิสโก้ สามารถบริหาร “กองทุนเปิด ทิสโก้ อินเดีย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #2" (TISCO India Equity Trigger 8% Fund 2: TISCOIN2) ให้ถึงเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ได้ หลังจากที่ใช้เวลาบริหาร 9 เดือน 13 วัน (กองทุนจดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 พ.ย.58) โดย ณ วันที่ 7 ก.ย.59 กองทุนดังกล่าวมีมูลค่า NAV 10.8471บาทต่อหน่วยจึงเข้าเงื่อนไขเลิกโครงการ
และข้อมูล ณ วันที่ 8 ก.ย.59 บลจ. ทิสโก้มีทริกเกอร์ฟันด์ภายใต้การจัดการทั้งหมด 114 กองทุน สามารถบริหารให้ถึงเป้าหมายแล้ว 75 กองทุน (ถึงเป้าหมายภายในกำหนดเวลาการลงทุน 62 กองทุนและถึงเป้าหมายเกินกว่ากำหนดเวลาการลงทุน 13 กองทุน) และมีทริกเกอร์ฟันด์ที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย 21 กองทุน (อยู่ภายในกำหนดเวลาการลงทุน 2 กองทุนและเกินกว่ากำหนดเวลาการลงทุน 19 กองทุน) และมีทริกเกอร์ฟันด์ที่ไม่ถึงเป้าหมายและเลิกกองทุนแล้ว 18 กองทุน