MAX พลิกธุรกิจเดินหน้าเพิ่มทุน RO ลุยพลังงานทั้งในและต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 10, 2017 12:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอิทธิชัย อรุณแสงศรีไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น (MAX) กล่าวว่า บริษัทได้เปลี่ยนแปลงวิธีการเพิ่มทุนจากเดิมจัดสรรให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) มาเป็นการให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) สัดส่วน 2 หุ้นเดิม ต่อ 5 หุ้นใหม่ ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.05 บาท ซึ่งเป็นราคาเท่ากับมูลค่าหุ้นทางบัญชี (Book Value) เนื่องจาก บริษัทต้องการให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นเดิม กรณีที่มีหุ้นเหลือจากการใช้สิทธิ หรือผู้ถือหุ้นไม่ใช่สิทธิ จะพิจารณาจัดสรร PP ต่อไป

การเรียกชำระเพิ่มทุนครั้งนี้ ถือเป็นการเรียกเพิ่มทุนครั้งแรกนับจากปี 57 ซึ่งครั้งสุดท้ายเป็นการเพิ่มทุน PP ให้กับกลุ่ม นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ราคาหุ้นละ 0.05 บาท กระทั่งต้นปี 60 จึงมีการเรียกเพิ่มทุนอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีเป้าหมายนำเงินไปลงทุนเน้นการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ขนาด 240 เมกกะวัตต์, โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ประเทศญี่ปุ่น ขนาด 3.87 เมกกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าจากขยะ ขนาด 9.9 เมกกะวัตต์

นายอิทธิชัย กล่าวว่า ธุรกิจพลังงานที่ลงทุนเป็นการซื้อและร่วมทุนที่มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า (COD) เข้ามาทันที ซึ่งในปีนี้จะเริ่มมีรายได้จากโรงไฟฟ้าขยะแพรกษา ขนาด 9.9 เมกกะวัตต์ อนาคตโครงสร้างรายได้ MAX จะมาจากธุรกิจพลังงานเป็นหลัก

สำหรับการลงทุนในบริษัท PTTC สัดส่วน 21.5% มูลค่าการลงทุน 454.128 ล้านบาท วางมัดจำแล้ว 100 ล้านบาท คาดส่งมอบหุ้นครบถ้วนทั้งหมด ภายในไตรมาส 1/60 ปัจจุบัน PTTC เป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก ระบบ Cogeneration กำลังผลิต 120 เมกกะวัตต์ และพลังไอน้ำ กำลังการผลิตสูงสุด 30 ตัน/ชั่วโมง เป็นตัวที่ทำรายได้ดีให้กับบริษัท

นอกจากนี้ การลงทุนในบริษัท เท็กซัส 121 ที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการในประเทศญี่ปุ่น คือโครงการ MoKamI และ Hanamaki กำลังผลิต 3.87 เมกกะวัตต์ มีผู้ร่วมทุนที่แข็งแกร่งอย่าง บริษัท TEPCO เป็นบริษัทพลังงานอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น

"อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน แต่ละโครงการ กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 10 % ซึ่งนโยบายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าก่อสร้างแล้วเสร็จและรับรู้รายได้ในปี 2560 ทำให้มีกำไรและกระแสเงินสดกลับเข้ามาในบริษัทในระยะเวลารวดเร็ว สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 สามารถพลิกขึ้นมาเป็นกำไร 107.78 ล้านบาท จากที่เคยขาดทุน 2.6 ล้านบาทในไตรมาส 3/58 ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี รวมทั้งรายได้จากการลงทุนในธุรกิจสนามกอล์ฟมาเจสติกตามสัดส่วนการลงทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ