ทิสโก้ แนะลดน้ำหนักลงทุนหุ้นยุโรป มองความเสี่ยงทางการเมืองสูงขึ้น กดดันศก.ตลอดทั้งปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 6, 2017 08:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ กลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า ทิสโก้ยังคงคำแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากความเสี่ยงทางการเมืองทั้งจากการเลือกตั้งในหลายประเทศ และการเริ่มเจรจากรณีที่สหราชอาณาจักรจะถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก จะกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปไปตลอดทั้งปี

โดยความเสี่ยงทางการเมืองในยุโรปเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตามองในปีนี้ เนื่องจากมีกำหนดการเลือกตั้งที่สำคัญในหลายประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมนี โดยในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ความเสี่ยงทางการเมืองเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น หลังศาลรัฐธรรมนูญอิตาลีตัดสินให้กฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ ซึ่งกลายเป็นการเปิดทางให้สามารถจัดการเลือกตั้งได้ในปีนี้ ภายหลังคำตัดสินดังกล่าวแกนนำพรรค Five Star Movement (M5S) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่มีนโยบายต่อต้านยุโรป เรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งในทันที ในขณะที่โพลล่าสุดชี้ว่าพรรค PD ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลในปัจจุบันยังมีคะแนนสูสีกับพรรค M5S

ด้านการเมืองฝรั่งเศส ซึ่งจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงปลายเดือนเม.ย. ก็มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากนาย Francios Fillon ซึ่งเป็นตัวเต็งประธานาธิบดีถูกกล่าวหาว่าแต่งตั้งภรรยาและลูกเป็นผู้ช่วย ซึ่งทำให้มีการจ่ายเงินภาษีเพื่อเป็นค่าตอบแทบราว 1 ล้านยูโร อย่างไม่ถูกต้อง โดยนาย Fillon กล่าวว่าเขาจะยุติการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี หากคดีดังกล่าวมีการเริ่มสืบสวนอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจทำให้ต้นสังกัดพรรค Republicans ต้องสรรหาตัวแทนผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่

โดยโพลล่าสุดชี้ว่านาย Francios Fillon ยังเป็นตัวเต็งผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี มีคะแนนนำนาง Marine Le Pen ซึ่งชูนโยบายต่อต้านยุโรป อยู่ค่อนข้างห่างที่ 65% ต่อ 35% อย่างไรก็ดี คดีความของนาย Fillon อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนตัวผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และอาจส่งผลให้นาง Marine Le Pen มีคะแนนนิยมสูงขึ้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อเสถียรภาพของสหภาพยุโรป

ขณะที่การเจรจาระหว่างรัฐบาลกรีซและเจ้าหนี้ในสหภาพยุโรป เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือรอบใหม่ก็ยังมีอุปสรรค เนื่องจากกรีซยังไม่สามารถดำเนินการลดค่าใช้จ่ายและปฏิรูปเศรษฐกิจได้ตามเป้าหมายที่เจ้าหนี้ตั้งไว้ โดยกรีซมีหนี้ก้อนใหญ่ที่จะครบกำหนดชำระในเดือนก.ค. ซึ่งทำให้ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ