TPIPP ลุ้นกกพ.ปรับขึ้นค่า Ft ดันรายได้พุ่ง - คาดปริมาณขาย Q1/60 ทำนิวไฮ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 19, 2017 10:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายโรงงาน บมจ. ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีแนวโน้มปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) ในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2560 ที่อัตราประมาณ 20 สตางค์ต่อหน่วย หลังจากทิศทางราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นและเริ่มมีการจ่ายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนรูปแบบต่าง ๆ เข้าสู่ระบบ ซึ่งปัจจัยดังกล่าว จะทำให้ TPIPP ได้รับประโยชน์จากการดำเนินนโยบายของภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า ของโรงไฟฟ้าทั้ง 4 แห่ง ในช่วงไตรมาส 2/60 และเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับภาพรวมปริมาณไฟฟ้าที่จำหน่ายในช่วงไตรมาส 1/60 คาดว่าจะทำสถิตินิวไฮ สูงสุดนับตั้งแต่เปิดดำเนินกิจการโรงไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าทั้ง 4 แห่งในปัจจุบัน ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 20 เมกะวัตต์ (MW) โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 60 MW โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง 40 MW และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง 30 MW สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้ารวมกันได้สูงถึง 197 ล้านหน่วย ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่จำหน่ายไฟฟ้าประมาณ 180 ล้านหน่วย โดยการเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรแล้วเสร็จเมื่อปลายปีก่อนและทำให้อัตรากำลังการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าสูงขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้สูง เนื่องจาก TPIPP ได้เพิ่มจำนวนหม้อผลิตไอน้ำและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ทำให้สามารถใช้กำลังการผลิตของกังหันผลิตไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยแล้วเสร็จตามกำหนดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัท สามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้จำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/60 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 20 MW และ 60 MW ที่จำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ที่ 3.50 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 7 ปี นับจากวันที่เริ่มซื้อขายไฟฟ้า

"ในไตรมาสแรกเราประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าทั้ง 4 แห่ง ส่งผลให้เราสามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคาดว่าในอนาคตบริษัท จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อัตรากำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตด้านผลการดำเนินงานของเราต่อไป" นายวรวิทย์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ