TNR เร่งเพิ่มรายได้ OEM-จัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายหวังดันผลงาน Q2-Q4 หลัง Q1/60 กำไรร่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 9, 2017 11:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ (TNR) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ คือ ไตรมาส 2-4/60 จะเติบโตได้ตามแผนงานที่วางไว้ โดยมีแผนเร่งเพิ่มรายได้จากธุรกิจ OEM โดยมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้ารายใหม่และเจรจากับลูกค้ารายเดิมในประเทศจีนเพื่อร่วมมือวางแผนในการขยายตลาด

ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ จะเร่งเพิ่มยอดขายสินค้าแบรนด์ ‘Onetouch’ โดยการจัดกิจกรรมทางการตลาด โดยในช่วงไตรมาส 2/60 ได้ทำแคมเปญเพื่อรุกสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะถุงยางอนามัย Onetouch รุ่น 003 พร้อมทั้งจะเร่งสร้างยอดขายจาก ‘Niptex’ ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ที่เริ่มเข้าไปรุกตลาดในประเทศเวียดนาม

ส่วนธุรกิจ Tender หลังจากที่บริษัทฯ ชนะงานประมูลผลิตถุงยางอนามัยองค์กร NGOs มูลค่าประมาณ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 270-280 ล้านบาท) คาดว่าจะเริ่มให้บริษัทผลิตและส่งมอบสินค้าเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงาน ขณะที่แนวโน้มการแข่งขันด้านราคาในธุรกิจ Tender นั้น คาดว่าจะทรงตัวและค่อย ๆ ลดระดับความรุนแรงลง

สำหรับช่วงไตรมาส 1/60 ได้รับผลกระทบจากมาร์จิ้นและปริมาณการขายสินค้าที่ลดลง โดยมีปัจจัยหลักจากธุรกิจงานประมูล (Tender) ถุงยางอนามัยในต่างประเทศที่แข่งขันราคาสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยของงานที่ชนะประมูลลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) ได้รับผลกระทบจากลูกค้าหลักในกลุ่มทวีปเอเชียโดยเฉพาะประเทศจีนที่ชะลอการสั่งสินค้า เนื่องจากลูกค้าได้เปลี่ยนนโยบายการบริหารสินค้าคงคลัง ซึ่งมีผลให้สัดส่วนการซื้อสินค้าเปลี่ยนไป โดยเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรต่ำกว่า

นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจาก เงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/59 และราคาน้ำยางพาราซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเพิ่มสูงขึ้น โดยไตรมาส 1/60 มีรายได้ 242.5 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3.4 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน

“เรามีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้ดีขึ้นในไตรมาส 2-4 ของปีนี้ เพื่อให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ โดยสถานการณ์ค่าเงินบาทที่เริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มอ่อนค่าลง จะส่งผลดีต่อมาร์จิ้นในการส่งออกสินค้า โดยบริษัทฯ ได้มีการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนในสิ้นไตรมาส 1/60 อยู่ที่ 35.62 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนราคาน้ำยางพาราในปัจจุบันที่เริ่มปรับลดลง ก็จะเป็นผลดีกับการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตถุงยางอนามัย" นายอมร กล่าว

ทั้งนี้ TNR รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 มีกำไรสุทธิ 3.37 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.01 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 49.62 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.26 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ