(เพิ่มเติม) ผถห.GSTEL คว่ำแผนแปลงหนี้เป็นทุน ผู้บริหารเตรียมทางแก้ไขหวังดันอีกรอบภายใน Q4/60,แผน GJS ฉลุย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 30, 2017 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น บมจ.จี สตีล (GSTEL) ไม่ผ่านแผนแปลงหนี้เป็นทุน เนื่องจากมีคะแนนเสียงเห็นด้วยไม่ถึง 75% ตามเกณฑ์ ทำให้กลุ่ม SSG ซึ่งเป็นกลุ่มทุนใหญ่จากฮ่องกงไม่สามารถเข้าไปดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทได้ ขณะที่ผู้บริหารเตรียมเริ่มกระบวนการชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ถือหุ้นที่ไม่เห็นด้วย เพื่อหวังจะผลักดันแผนดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมอีกรอบภายในไตรมาส 4/60

ทั้งนี้ คะแนนเสียงที่เห็นด้วยกับแผนปรับโครงสร้างหนี้คิดเป็น 68.3% ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยคิดเป็น 31.67%

ส่วนกรณีที่ผู้ถือหุ้น บมจ.จี เจ สตีล (GJS) ให้ความเห็นชอบแผนปรับโครงสร้างหนี้ไปก่อนหน้านี้ จะไม่ได้รับผลกระทบจากการที่แผนปรับโครงสร้างหนี้ของ GSTEL ยังไม่ผ่านการพิจารณาในครั้งนี้

นางสาวสุนทรียา วงศ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการบัญชีและการเงิน ของ GSTEL และ GJS กล่าวภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้น GSTEL ว่า บริษัทจะไปเจรจาและทำความเข้าใจกับผู้ถือหุ้นที่ไม่เห็นด้วยกับแผนปรับโครงสร้างหนี้ และหารือกับกลุ่ม SSG ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ เพื่อให้สามารถเริ่มกระบวนการเพื่อจัดประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งให้ทันภายในไตรมาส 4/60 เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นเหลืออยู่ 800 ล้านบาท ณ สื้นเดือน มิ.ย. 60 หากไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้ามาจะทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นลดลงถึงขั้นขาดทุน และผลการดำเนินงานก็ยังไม่ดี

ปัจจุบัน GSTEL มีหนี้สินผิดนัดชำระและจะถึงกำหนดชำระรวมมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท

"เรารับผลขาดทุนส่วนผู้ถือหุ้นได้เต็มที่ 2 ไตรมาส...เราไม่ยอมให้บริษัทเข้าฟื้นฟู"นางสาวสุนทรียา กล่าว

อนึ่ง ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ของ GSTEL จะเพิ่มทุนไม่เกิน 2.77 หมื่นล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม และรองรับการแปลงหนี้เป็นทุน ในราคาหุ้นละ 0.1961 บาท โดยจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 3.43 พันล้านหุ้นเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม อัตราส่วน 2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ กำหนดจองซื้อระหว่างวันที่ 15 ก.ย.-15 ธ.ค.60

พร้อมทั้งจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ไม่เกิน 2.18 หมื่นล้านหุ้น ให้กลุ่ม Asia Credit Opportunities I (Mauritius) Limited (ACO I) ภายใต้การควบคุมของ SSG Capital Holdings Limited (SSG CH), SSG Capital Partners III, L.P. (SSG III) และ Kendrick Global Limited (KG) หรือกลุ่ม SSG เพื่อชำระหนี้การค้า 123.90 ล้านดอลลาร์ หรือ 4.28 พันล้านบาท ตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุน หลังจากนั้นกลุ่ม SSG จะเข้ามาถือหุ้นใน GSTEL ในสัดส่วน 76.09% และจะทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดใน GSTEL

นางสาวสุนทรียา กล่าวอีกว่า การที่ผู้ถือหุ้น GJS โหวตผ่านแผนปรับโครงสร้างหนี้แล้วเมื่อช่วงเช้าวันนี้ จะไม่ได้รับผลกระทบจาก GSTEL ไม่ผ่านแผนปรับโครงสร้างหนี้ โดยที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น GJS มีมติอนุมัติโครงการแปลงหนี้เป็นทุน โดยมีจำนวนผู้ถือหุ้นที่ลงคะแนนเสียงเห็นด้วย 3,229 ล้านหุ้น คิดเป็น 99% ของผู้ที่มาประชุม

ขณะที่ที่ปรึกษาทางการเงินระบุว่า ทาง Asia Credit Opportunities I (Mauritius) Limited หรือ ACO I ได้เข้ามาเป็นผู้ดำเนินโครงการแปลงหนี้เป็นทุนด้วยการเข้าไปซื้อหนี้จากเจ้าหนี้การค้าต่างประเทศ 4 ราย รวมยอดหนี้ทั้งสิ้นประมาณ 3,161 ล้านบาท คิดเป็นเงินต้นจำนวน 2,015 ล้านบาท และดอกบี้ยจำนวน 1,146 ล้านบาท

ขณะเดียวกันภายหลังจากการเข้าซื้อหนี้ดังกล่าว บริษัทได้มีการทำสัญญากู้ยืมเงินประมาณ 2,450 ล้านบาท จาก Link Capital และได้เบิกเงินกู้ส่วนแรก จำนวน 1,415 ล้านบาท ซึ่งทาง GJS ได้นำเงินบางส่วนมารีไฟแนนซ์หนี้ ACO I จำนวน 1,387 ล้านบาท โดยทาง ACO I ได้ยกเลิกดอกเบี้ยบางส่วนจำนวน 518 ล้านบาท และทาง GJS ได้ชำระหนี้บางส่วนอีกจำนวน 16 ล้านบาท ดังนั้น จึงทำให้ยังมียอดหนี้คงค้างกับ ACO I จำนวน 1,240 ล้านบาท

ทั้งนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินระบุอีกว่า ฐานะทางการเงินของ GJS สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.60 มีหนี้สินรวม 4,806 ล้านบาท และมีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.38 เท่า โดยภายหลังจากการปรับโครงการแปลงหนี้เป็นทุนแล้วจะทำให้ GJS มีหนี้สินลดลงเหลือ 4,547 ล้านบาท และมีอัตราหนี้สินลดลงเหลือ 0.33 เท่า พร้อมทั้ง ACO I ยังได้ให้เงินกู้กับ GJS เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาธุรกิจ

นอกจากนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 ของ GJS อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทเป็น 129,298,350,418 บาท จากเดิม 103,137,868,438 บาท โดยจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 3,791,374,200 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 6.90 บาท จัดสรรจำนวน 3,342,751,016 หุ้น ให้แก่ ACO I ในราคา 0.34 บาท หลังจากการทำรายการดังกล่าวแล้วจะส่งผลให้ทาง ACO I จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GJS ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมจำนวน 42.97%

นางสาวสุนทรียา กล่าวว่า ภายหลังจากการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการแปลงหนี้เป็นทุน ในปี 61 จะทำให้บริษัทมีความสามารถในการดำเนินการผลิตเหล็กได้เป็น 100% จากเดิมผลิตได้เพียง 60% ซึ่งมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 1,000 ล้านบาทเท่ากัน ดังนั้น หากสามารถผลิตได้เต็มที่จะทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาดและมีสินค้าเพื่อขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการมีต้นทุนที่อยู่ในระดับเดิม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ