FVC มั่นใจปี 60 รายได้-กำไรทำนิวไฮแม้ครึ่งปีแรกพลาดเป้า,เตรียมขยายธุรกิจไตเทียมใน CLMV

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 14, 2017 12:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิจิตร เตชะเกษม ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจผลการดำเนินงานในปีนี้ทั้งรายได้และกำไรจะยังทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) แม้ว่าในครึ่งปีแรกรายได้และกำไรจะต่ำกว่าคาด โดยมีรายได้อยู่ที่ 212.84 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.96 ล้านบาท เนื่องจากมีสินค้าในกลุ่มธุรกิจ B1 (ธุรกิจอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้ำ) และธุรกิจ B2 (ธุรกิจจเพื่อการพาณิชย์และที่พักอาศัย) ที่เกิดความล่าช้าในการส่งมอบสินค้า หลังสินค้าที่บริษัทสั่งนำเข้ามามีความล่าช้า

ในช่วงครึ่งปีหลังการส่งมอบสินค้าในกลุ่มธุรกิจ B1 และ B2 จะมากระจุกตัวในช่วงไตรมาส 3/60 และไตรมาส 4/60 ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังที่จะเติบโตมากขึ้นจากครึ่งปีแรก ขณะเดียวกันธุรกิจแนวโน้มของธุรกิจ B3 (ธุรกิจบริการทางการแพทย์) ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังมีการประมูลงานน้ำยาไตเทียมเข้ามาอีก ซึ่งเชื่อว่าจะมีรายได้เข้ามาเสริม

รวมไปถึงบริษัทยังมีศูนย์ไตเทียมของบริษัทที่มี 2 แห่งที่พัฒนาการ กรุงเทพฯ และศรีสะเกษ ยังมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้น จากการใช้บริการต่อเนื่องของลูกค้า โดยบริษัทได้วางแผนเพิ่มเครื่องฟอกไตเพื่อให้สิ้นปีนี้จะมีไม่ต่ำกว่า 40 เครื่อง จากปัจจุบันที่มี 22 เครื่อง พร้อมกับตั้งเป้ารายได้ของธุรกิจ B3 อยู่ที่ 120 ล้านบาทในปีนี้ จากครึ่งปีแรกทำได้ 60 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทยังมั่นใจรายได้รวมในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 500 ล้านบาท

นายวิจิตร กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำยาไตเทียมเพิ่มเป็น 1.2 ล้านลิตร/ปีภายในปี 61 จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 600,000 ลิตร/ปี โดยจะเป็นการสร้างโรงงานใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 60 ซึ่งกำลังการผลิตน้ำยาไตเทียมที่เพิ่มขึ้นจะจัดสรรมาให้กับบริษัทใช้เอง 15% และขายให้กับหน่วนยงานและบุคคลภายนอก 85%

อีกทั้งบริษัทยังมีแผนจะนำศูนย์ฟอกไตเทียมไปเปิดสาขาใน CLMV โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรซึ่งเป็นแพทย์ในท้องถิ่น เพื่อนำเครื่องมือฟอกไตเข้าไปติดตั้งและเข้าไปขายน้ำยาฟอกไตให้กับศูนย์การแพทย์ของพันธมิตร แต่หากเป็นรูปแบบที่บริษัทลงทุนเองก็จะเข้าไปก่อสร้างศูนย์ฟอกไต ซึ่งคาดว่ารูปแบบการลงทุนจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/60

ด้านธุรกิจสุขภาพและความงามที่บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเข้าซื้อกิจการ ปัจจุบันการลงทุนดังกล่าวคาดว่าจะเกิดความล่าช้า จากเดิมที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากการศึกษาความคุ้มค่าของการลงทุนใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ซึ่งบริษัทได้จ้างที่ปรึกษาเพื่อช่วยให้การลงทุนเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด โดยมีธุรกิจที่บริษัทให้ความสนใจอยู่ 2 ราย เงินลงทุนจะมาจากเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) มูลค่า 250 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ