โบรกฯเชียร์"ซื้อ"SCC แม้คาดกำไร Q3/60 ไม่หวือหวาหลังธุรกิจปูนยังอ่อนแอ-สเปรดปิโตรฯทรงตัว แต่ยัง Laggrad-ปันผลดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 24, 2017 13:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) แม้มองกำไรในไตรมาส 3/60 ที่จะประกาศในวันที่ 1 พ.ย.นี้จะไม่โดดเด่น โดยคาดว่าจะทรงตัวจากไตรมาสก่อน และลดลงเล็กน้อยจากงวดปีก่อน จากส่วนต่าง (สเปรด) ปิโตรเคมีทรงตัวในระดับสูง และธุรกิจปูนซีเมนต์ที่ยังอ่อนแอ หลังความต้องการใช้ยังติดลบต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเห็นความต้องการเติบโตได้ในช่วงกลางปีหน้าเป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม หุ้น SCC ยังมีความน่าสนใจการลงทุนด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ความมั่นคงทางการเงินที่แข็งแรง และการจ่ายปันผลในระดับที่ดี ขณะเดียวกันยังเป็นหุ้นใหญ่ที่ Laggard SET Index หลังจากที่หุ้นใหญ่ตัวอื่นปรับขึ้นไปค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา

ราคาหุ้น SCC พักเที่ยงอยู่ที่ 490 บาท ลดลง 2 บาท หรือ 0.41% นับตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้น SCC ลดลง 1.2% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 10.23%

          โบรกเกอร์                  คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ            ซื้อลงทุน                        580
          เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ              ซื้อ                          600
          ฟินันเซีย ไซรัส                 ซื้อ                          610
          ทิสโก้                        ซื้อ                          605
          ธนชาต                       ซื้อ                          560
          บัวหลวง                      ซื้อ                          620
          ทรีนีตี้                      ซื้อเก็งกำไร                     530

นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ SCC ในไตรมาส 3/60 จะอยู่ที่ 1.34 หมื่นล้านบาท ลดลงราว 5% จากงวดปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรที่ลดลงจากงวดปีก่อนเป็นผลจากต้นทุนปูนซีเมนต์สูงขึ้นตามราคาถ่านหินที่เป็นเชื้อเพลิงหลักปรับเพิ่มขึ้น และธุรกิจวัสดุก่อสร้างติดลบตามภาพรวมของอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ยังไม่ดีนัก ขณะที่สเปรดปิโตรเคมีลดลงเล็กน้อย

ส่วนการขายหุ้นทั้งหมด 23.8% ในบริษัท Tien Phong Plastiv Joint Stock Company (NTP) ในเวียดนาม จะบันทึกกำไรพิเศษในไตรมาส 3/60 ราว 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกเกือบ 500 ล้านบาทจะบันทึกในไตรมาส 4/60

สำหรับธุรกิจปูนซีเมนต์ ยังคงอ่อนแอจากภาวะการแข่งขันสูง แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากในไตรมาส 2 มีวันหยุดมาก ขณะที่ราคาขายปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น หลังจากการล็อกต้นทุนถ่านหินต่ำได้หมดลงไปแล้วเมื่อช่วงกลางปี ซึ่งไม่ได้สร้างนัยสำคัญมากนักเพราะราคาขายปูนซีเมนต์ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักเนื่องจากยังมีการแข่งขันที่สูง

ส่วนธุรกิจปิโตรเคมี ภาพรวมสเปรดยังคงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ขณะที่ราคาปิโตรเคมีที่ปรับขึ้นส่งผลให้มีกำไรจากสต็อกผลิตภัณฑ์เล็กน้อยเมื่อเทียบกับในไตรมาสก่อนที่ขาดทุนจากสต็อกราว 1.8 พันล้านบาท

นายสุรชัย กล่าวอีกว่า ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของ SCC ในไตรมาส 4/60 น่าจะยังทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/60 จากสเปรดปิโตรเคมีที่น่าจะยังทรงตัว จากราคาปิโตรเคมีที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก โดยธุรกิจปิโตรเคมีนับว่าสร้างกำไรให้กับ SCC ในสัดส่วนราว 81% ขณะที่ในปี 61 คาดว่ากำไรของ SCC น่าจะยังคงทำได้ใกล้เคียงกับปีนี้ที่คาดไว้ที่ระดับ 5.49 หมื่นล้านบาท ลดลง 2% จากปี 59 หลังมองว่าสเปรดปิโตรเคมีน่าจะชะลอตัวลงจากกำลังผลิตใหม่ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ,ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ทรงตัว ส่วนธุรกิจซีเมนต์น่าจะดีขึ้นจากที่ติดลบในปีนี้

"ที่ผ่านมาราคาหุ้น SCC ไม่ได้ขยับตัวมากนัก เพราะกำไรไม่ได้หวือหวา นักลงทุนหันไปเล่นกลุ่ม ปตท.ในตัวของ PTTGC ซึ่งทำธุรกิจปิโตรเคมีที่จะเห็นการเติบโตของกำไรที่ดีกว่า ซึ่งเรายังคงแนะนำซื้อ ในลักษณะลงทุน ปันผลยังดีปีละประมาณ 19 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 3.8%"นายสุรชัย กล่าว

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า หุ้น SCC นับว่าเป็นหุ้นใหญ่ที่ยัง Laggard ตลาด หลังในช่วงที่ผ่านมาหุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่หุ้น SCC ไม่ได้ขึ้นตาม โดยแนะนำในลักษณะ"ซื้อเก็งกำไร" ขณะที่ในระยะสั้นหุ้น SCC ไม่ได้มี Sentiment ที่เป็นบวกมากนักเนื่องจากธุรกิจหลักปิโตรเคมีมีเพียงภาพการทรงตัวเท่านั้น ไม่ได้มีอัตราการเติบโตเหมือนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ก็ยังคงขึ้นกับเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่มีปัจจัยขับเคลื่อนความต้องการบริโภคปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างมากนัก โดยยังคงเป็นภาพการติดลบต่อเนื่อง ประกอบกับต้นทุนถ่านหินที่สูงขึ้นยังคงกดดันมาร์จิ้นของธุรกิจด้วย

ทั้งนี้ ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในปีนี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาครัฐบาล แต่ก็ไม่มากเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีโครงการขนาดเล็กออกมามากทำให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณมากกว่าปีนี้ที่ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่คาดว่าการใช้ปูนซีเมนต์จะมีมากขึ้นในช่วงกลางปี 61 ที่จะเห็นการเติบโตจากโครงการภาครัฐ และเมื่อภาคเอกชนมีความมั่นใจก็จะผลักดันให้เกิดการใช้จากภาคเอกชนตามมาด้วย ขณะที่ราคาปูนซีเมนต์ที่แม้จะปรับตัวขึ้นมาก็ครอบคลุมเพียงสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นเท่านั้น เพราะการแข่งขันยังคงมีอยู่สูง ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ยังคงค่อนข้างนิ่งไม่มีอัตราการเติบโตมากนัก เพราะยังอิงกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ

นักวิเคราะห์ คาดว่า SCC จะประกาศกำไรสุทธิในไตรมาส 3/60 ที่ระดับ 1.33 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/60 แต่ลดลงราว 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะสเปรดปิโตรเคมีไม่ดีเท่ากับงวดปีที่แล้ว ส่วนกำไรในไตรมาส 4/60 ก็น่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 3 จากสเปรดปิโตรเคมีที่ยังทรงตัว ขณะที่การใช้ปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างไม่ได้ฟื้นตัวมาก

อย่างไรก็ตาม เห็นว่า SCC ยังคงมีความสามารถในการรักษาฐานกำไร การจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ ทำให้มีความน่าสนใจลงทุนในระยะยาว แต่ในระยะสั้นนักลงทุนอาจจะกังวลเรื่องการฟื้นตัวที่ลำบากของธุรกิจปูนซีเมนต์ รวมถึงสเปรดปิโตรเคมีที่ทรงตัวในช่วงปี 60-61 ที่อัตราการเติบโตของ Supply สูงกว่าฝั่ง Demand เล็กน้อย หรือใกล้เคียงกัน

"หุ้น SCC มีความน่าสนใจน้อยกว่าเมื่อเทียบตัวอื่น ๆ Sentiment ระยะสั้นไม่โดดเด่น เป็นการ maintain เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ไม่ได้แย่ แต่ growth ยังค่อนข้างจะลำบาก"นักวิเคราะห์ กล่าว

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่ากำไรปกติของ SCC ในไตรมาส 3/60 จะอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ลดลง 2.4% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 2.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจเคมีภัณฑ์น่าจะปรับตัวดีขึ้นเพราะไม่มีขาดทุนสต็อกเหมือนไตรมาสก่อน และสเปรดปิโตรเคมีดีขึ้น ขณะที่ธุรกิจวัสดุก่อสร้างยังคงไม่ฟื้นตัว เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และต้นทุนสูงขึ้นตามราคาเชื้อเพลิง หากเป็นไปตามคาดกำไรช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ จะคิดเป็น 77% ของคาดการณ์กำไรทั้งปีนี้ที่ 5.4 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อนที่เป็นระดับสูงสุดของ SCC

อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดซึมซับความกังวลของกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี 60 มากเกินไปจนทำให้ราคาหุ้น Laggard หุ้น Big cap อื่น ๆ และ Underperform SET นอกจากนี้ SCC ยังมี P/E เพียง 11.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต โดยยังคงคำแนะนำซื้อลงทุน ราคาเหมาะสม 610 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ