(เพิ่มเติม) TSTH เพิ่มเป้ายอดขายงวดปี 60/61 มาที่ 1.25-1.28 ล้านตัน หลังมองดีมานด์เพิ่มจากลงทุนภาครัฐ-ส่งออก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 31, 2017 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าหมายยอดขายในงวดปี 60/61 (เม.ย.60-มี.ค.61) เป็น 1.25-1.28 ล้านตัน จากเดิมตั้งเป้ายอดขายที่ 1.2 ล้านตัน เทียบกับงวดปี 59/60 ที่มียอดขาย 1.26 ล้านตัน โดยคาดว่ายอดขายในช่วงครึ่งหลังของปี 60/61 (ต.ค.60-มี.ค.61) จะเติบโต 5%จากช่วงครึ่งปีแรก ที่มียอดขาย 6 แสนตัน

เนื่องจากคาดการณ์ว่าความต้องการเหล็กในประเทศจะเพิ่มขึ้น จากการลงทุนโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมทั้งจะมีการส่งออกเพิ่มมากขึ้น หลังได้ขยายตลาดในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และกำลังจะเข้าไปในเมียนมาด้วย นอกเหนือจากที่ส่งออกไปลาว กัมพูชา อีกทั้งการที่รัฐบาลเร่งรัดการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ก็เชื่อว่าจะทำให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนตามมา

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ของปี 60/61 (ต.ค.-ธ.ค.60) คาดว่ายอดขายน่าจะทรงตัว ประมาณ 3 แสนตัน เพราะในเดือนต.ค. และ ธ.ค. มีวันหยุดมากแต่เชื่อมั่นว่าในไตรมาส 4 ของปี 60/61 จะกลับมาดีขึ้นมาก

โดยภาพรวมความต้องการใช้เหล็กในประเทศของปี 60 คาดว่าอยู่ที่ 18 ล้านตัน ต่ำกว่าปีก่อนที่มีจำนวน 19 ล้านตัน เพราะมีการลงทุนชะลอตัว โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 60 การต้องการใช้เหล็กในประเทศลดลง 13.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือมีจำนวน 11.18 ล้านตัน

แต่สำหรับ TSTH มียอดขายดีกว่าเมื่อเทียบกับภาพรวม เนื่องจากมีการบริหารจัดการที่ดี โดยยอดขายในไตรมาส 2 ของปี 60/61 จำนวน 3.23 แสนตัน เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาส 1 ของปี 60/61 โดยเฉพาะเหล็กลวดที่มียอดขายในไตรมาส 2 ของปี 60/61 ที่เพิ่มขึ้น 81%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 24% จากไตรมาสที่แล้ว

นอกจากนี้ จากภาวะการขาดแคลนแรงงานต่างด้าว ทำให้ความต้องการเหล็กเส้นขึ้นรูป ตัดและดัดเป็นที่ต้องการในตลาด บริษัทจึงมีแผนจะขยายกำลังการผลิตเหล็กเส้นขึ้นรูป ตัดและดัด (Cut and Bend) เพิ่มอีก 3,100 ตัน/เดือน หรือ 37,200 ตัน/ปี วงเงินลงทุน 65-70 ล้านบาท ในโรงงานบมจ.เอ็น.ที.เอส. สตีล กรุ๊ป (NTS) เริ่มผลิตในเดือน มิ.ย.61

"บริษัทคาดการณ์ว่า การขายเหล็กเส้นในประเทศจะอยู่ภายใต้ภาวะกดดัน ในขณะที่โมเมนตัมของการขายเหล็กเส้นขึ้นรูปตัดและดัดยังคงดีต่อเนื่อง และคาดหมายยอดขายเหล็กลวดยังคงอยู่ในทิศทางที่ดี"

ปัจจุบัน บริษัทมีการใช้กำลังการผลิต (utilization) ประมาณ 72-75% จากกำลังการผลิตทั้งหมด 1.7 ล้านตัน/ปี

อย่างไรก็ตาม ราคาแร่เหล็กและเศษเหล็กที่ลดลงทำให้เกิดความผันผวนอย่างมากในตลาด ผลกระทบจากการลดการผลิตในจีน ซึ่งต้องจับตาใกล้ชิด ลูกค้าจะซื้อแต่เฉพาะที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น

ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น อาทิ กราไฟต์อิเล็กโทรด วัสดุทนไฟ Ferro Alloys จะมีราคาสูงขึ้น เนื่องจากความพร้อมของวัตถุดิบดังกล่าวในจีนน้อยลง หลังจากที่จีนควบคุมการผลิตสินค้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงจำกัดโควต้าการผลิต ทั้งนี้คาดแนวโน้มต้นทุนการผลิตในครึ่งหลังงวดปี 60/61 จะเพิ่มขึ้น 15 เหรียญ/ตัน จากครึ่งปีแรกมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 10 เหรียญ/ตัน อย่างไรก็ตาม ราคาขายได้ปรับขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถครอบคลุมต้นทุนได้ทั้งหมด

"ในครึ่งปีหลัง ต้นทุนการผลิตกดดัน เพราะจะมีมากขึ้นอีก 15 เหรียญ/ตัน เราพยายามควบคุมต้นทุนการผลิต ซึ่งผลักดันขึ้นราคาขายได้บางส่วน กำไรจากการดำเนินธุรกิจมาจากยอดขายที่มีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเหล็กลวดมีทิศทางเป็นบวกมากขึ้น แต่ครึ่งปีหลัง Demand มากขึ้นตามโครงการเมกะโปรเจคท์"นายราจีฟ กล่าว

นายราจีฟ ยังกล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีปัจจัยเสี่ยง ประเด็นจีน ขยายกำลังการผลิตเหล็กกระจายไปนอกประเทศ อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงที่เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน ที่อาจจะนำเข้าเหล็กจากจีน การลงทุนโรงงานผลิตเหล็กเส้นในอินโดนีเซีย และมาแลซีย ทำให้ซัพพลายในตลาดเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน เวียนามมีการลงทุนโรงงานผลิตเหล็กเส้น ซึ่งอนาคตจะเป็นคู่แข่งของไทย

กรรมการผู้จัดการใหญ่ TSTH กล่าวถึงความคืบหน้าการขายเตาถลุงเหล็กขนาดเล็ก (MBF) ให้กับบริษัทในอินเดีย ซึ่งไม่ใช่เป็นบริษัทในกลุ่มทาทาสตีล คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ในเดือน พ.ย.นี้ และจะกำหนดชำระเงินเป็นงวดต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ