FLOYD ประเมินแนวโน้มปี 61 คาดรายได้ฟื้นโต 15-20% รับผลดีรัฐเดินหน้าโครงการใหญ่หนุนเอกชนลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 17, 2017 14:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทศพร จิตตวีระ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟลอยด์ (FLOYD) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2561 จะฟื้นตัวจากปี 2560 โดยคาดว่ารายได้จะเติบโต 15-20% จากปีนี้ เนื่องจากภาคเอกชนที่ชะลอการลงทุนในปี 2559 เริ่มกลับมาทยอยลงทุน และเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2561 ประกอบกับการเร่งลงทุนของโครงการภาครัฐ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสีต่าง ๆ ขณะที่คาดว่าจะได้รับงานจากบมจ.โรบินสัน (ROBINS) ต่อเนื่องตามแผนการขยายสาขา หลังจากที่ไตรมาส 2/60 บริษัทได้งานของ ROBINS ซึ่งนับเป็นลูกค้ารายใหม่ในธุรกิจห้างสรรพสินค้า รวมถึงยังได้รับงานปรับปรุงในโครงการ JAS สาขารามอินทรา และ The JAS สาขาวังหิน จากบมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) ตลอดจนได้ส่งทีมผู้บริหารเดินหน้าเข้าแนะนำตัวกับลูกค้ารายใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความหลากหลายประเภทงานที่ให้บริการด้วย นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานติดตั้งระบบหลายโครงการ มูลค่าราว 80-200 ล้านบาท ได้แก่ โครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าที่พักอาศัยมูลค่า 40-50 ล้านบาท โครงการห้างสรรพสินค้ามูลค่า 70-80 ล้านบาท และโครงการประเภทอื่นๆ 70-120 ล้านบาท โดยจะรับทราบผลการเข้าประมูลได้ภายในปีนี้ทั้งหมด รวมทั้งเข้าประมูลงานเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพิ่มรายได้ให้แข็งแกร่ง

“บริษัทมองว่าการลงทุนขยายโครงการต่าง ๆ ของลูกค้าในปี 2561 จะเพิ่มขึ้น หลังจากความเชื่อมั่นของการเติบโตเศรษฐกิจในประเทศกลับมาดีขึ้น ทำให้การขยายงานต่าง ๆ กลับมา และเป็นโอกาสของบริษัทที่จะเข้าไปรับงานได้มากขึ้น" นายทศพร กล่าว

นายทศพร กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อช่วงวันที่ 1 พ.ย.60 นับเป็นโอกาสที่ดี ทำให้บริษัทสามารถเข้าประมูลงานหรือเสนอการให้บริการในโครงการที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญในงานให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์ ติดตั้งระบบที่ครบวงจรให้แก่ลูกค้า ซึ่งบริษัทสามารถเข้าไปรองรับงานได้ สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในงวดไตรมาส 3/60 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการ 107.65 ล้านบาท ลดลง 25.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากลูกค้าหลักของบริษัทบางส่วนชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 5.11 ล้านบาท ลดลง 84.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับรายได้ ส่วนรายได้จากการให้บริการในงวด 9 เดือนแรกของปี 60 มีจำนวน 231.12 ล้านบาท ลดลง 44% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 17.59 ล้านบาท ลดลง 79.25% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

“ยอมรับว่าผลประกอบการที่ออกมาต่ำกว่าเป้าหมาย เป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ลูกค้าบางส่วนได้เริ่มงานตามแผนงานก่อสร้างที่วางไว้ประกอบกับการขยายงานไปยังฐานลูกค้ารายใหม่ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 255 ล้านบาท"นายทศพร กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ