บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยขานรับน้ำมันโลกยืนสูง แนะสะสมหุ้นเข้าคำนวณดัชนี FTSE – SET50

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 13, 2017 10:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันมีแนวโน้มทรงตัวที่ระดับสูงจากการปิดซ่อมบำรุงราว 1 สัปดาห์ท่อส่งน้ำมันดิบที่ “North Sea Forties Pipeline System" ซึ่งมีกำลังการผลิตกว่า 4.5 แสนบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 40% ของปริมาณการใช้น้ำมันในสหราชอาณาจักร

รวมถึงที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแพ็คเกจผลักดันราคายาง-แก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน และในสัปดาห์ถัดไปจะมีการเสนอ ครม.เร่งเซ็นสัญญาโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง 9 สัญญาเพื่อให้เริ่มก่อสร้างได้ทันทีหลังลงนาม และเม็ดเงินลงทุนในกองทุน LTF และ RMF หนุนดัชนีในช่วงปลายปี

ส่วนปัจจัยที่มีผลลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้มาจากนักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 85% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) 0.25% ในการประชุมเฟดครั้งสุดท้ายของปี และคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยราว 3 ครั้งในปีหน้า ประกอบกับใกล้เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ รวมทั้ง Fund Flow ผันผวน ในช่วง 1 เดือนย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติ Net Sell ราว 2.2 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 14 ธ.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายพลังงาน (กกพ.) ประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกในโครงการ SPP Hybrid Firm รวมถึงสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) มีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้น-ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค. และในวันที่ 22 ธ.ค. จับตาประเด็นชัตดาวน์สหรัฐฯ

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มทรงตัวที่ระดับสูง รัฐบาลเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ต่อเนื่อง และเม็ดเงินเข้าซื้อกองทุน LTF และ RMF ในช่วงปลายปีช่วยพยุงตลาด โดยมีปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ที่ยังผันผวนและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในปลายปีนี้และปีหน้า ดังนั้น ประเมินว่า SET ในสัปดาห์นี้จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,685-1,730 จุด

ทั้งนี้ แนะนำลงทุน หุ้นโรงไฟฟ้าที่ผ่านคุณสมบัติ SPP Hybrid ประกาศผล 14 ธ.ค. ได้แก่ SSP และ PSTC หากเป็นผู้ชนะประมูลรวมถึงหุ้นที่มีโอกาส Window dressing ได้แก่ SCB, KTB, PTTEP

นอกจากนี้ยังแนะนำหุ้นเข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Large Cap ได้แก่ EA ส่วนดัชนี FTSE SET Mid Capได้แก่ BGRIM, ORI, PRM, RATCH, RS, TOA มีผล 18 ธ.ค. และหุ้นที่มีลุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 ที่จะประกาศราวกลาง ธ.ค. ได้แก่ SAWAD, TPIPP, CENTEL

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สัปดาห์นี้เฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเป็นหนที่ 3 ในรอบปีนี้อีก 0.25% ซึ่งตลาดคาดการณ์เอาไว้แล้ว แต่ความเสี่ยงต่าง ๆ ที่สหรัฐฯเข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการประกาศให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ และความกังวลเรื่อง shutdown ที่จะกลับมาอีกครั้งในปลายสัปดาห์หน้า ยังเป็นปัจจัยหนุนให้มีการเข้าถือเงินสกุลดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์สภาพคล่องก่อนปิดสิ้นปี

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ในช่วงที่เหลือของปี โดยสัปดาห์นี้ปัจจัยสำคัญจะอยู่ที่ถ้อยแถลงของประธานเฟดคนปัจจุบัน และว่าที่ประธานเฟดที่กำลังจะเข้ารับไม้ต่อในปีหน้า ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนความเร็วของการขึ้นดอกเบี้ย หรือ เพิ่มเติมแนวนโยบายการเงินอย่างไร

สำหรับมุมมองทางเทคนิค ราคาทองคำมีโอกาสรีบาวด์ได้ในกรอบจำกัดระหว่าง 1,240-1,260 ดอลลาร์ จึงแนะนำให้ trading ในกรอบดังกล่าว โดยถ้าราคาขึ้นเหนือ 1,260 ดอลลาร์ ให้ปรับมาเน้นเก็งกำไรแบบ swing long แต่ถ้าราคาลงต่ำกว่า 1,240 ดอลลาร์ ให้ปรับมา short โดยมีแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,200 ดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ